“รามอินทรา” ขึ้นแท่นทำเลศักยภาพแห่งใหม่ ประชากรมีกำลังซื้อสูงประกอบกับรถไฟฟ้าสายสีชมพูเชื่อมต่อลาดพร้าว- พหลโยธิน-รามอินทรา “เซ็นทรัลพัฒนา” เด้งรับปัจจัยบวก ทุ่ม 2,000 ล้านบาท รีโนเวท “เซ็นทรัล รามอินทรา” ทั้งศูนย์ชิงกำลังซื้อกลุ่มเฟิร์สจ๊อบเปอร์-แฟมิลี่เพิ่ม พร้อมอัดไลน์อีเว้นต์ตลอดดูดนักช้อปหน้าใหม่เข้าศูนย์
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “รามอินทรา” เป็นหนึ่งในย่านที่มีศักยภาพของกรุงเทพฯ ซึ่งปัจจุบัน Landscape ของย่านได้เปลี่ยนไปด้วยหลายปัจจัย มีความทันสมัยมากขึ้น มีการขยายตัวของเมือง มี Infrastructure เชื่อมต่อรถไฟฟ้า และการคมนาคมหลายช่องทาง ทำให้เป็นย่านที่ต้องจับตามองทั้งการอยู่อาศัยและการทำงาน
นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตของ Quality residential ที่มีการขยายตัวของหมู่บ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่งผลให้มีกลุ่มกำลังซื้อสูงเพิ่มมากขึ้น โดยจากการสำรวจพบจำนวนประชากรใน Catchment Ring1 & 2 ประมาณ 1.3 ล้าน และมีความหนาแน่นของประชากรเพิ่มขึ้น 2.5% ต่อปี
ทั้งนี้เพื่อรองรับการเติบโตของย่านรามอินทรา CPN ทุ่มเงินเกือบ 2,000 ล้านบาทสำหรับีโนเวทศูนย์นี้ เพื่อพลิกโฉมให้เป็น Destination ที่ดีที่สุดของย่านนี้ภายใต้ 3 กลยุทธ์คือ 1 สร้าง New Face, New Destination รองรับการเติบโตของย่าน สร้าง Strategic Ring Extension ใหม่ รองรับการเติบโตที่เชื่อมโยงมาจากย่านลาดพร้าว- พหลโยธิน-รามอินทรา เป็น Linkage จากเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียว-สีชมพู
2 Curated Experiential Retail ออกแบบศูนย์ตาม Customer Journey ในแต่ละย่าน ให้เป็นมากกว่าศูนย์การค้า ตามวิสัยทัศน์ Place & Experience makerโดยดึงแบรนด์ใหม่เป็นแม็กเน็ตดึงดูดลูกค้าทุกเจนเนอเรชั่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Everyday Good Vibes’ เป็น Destination for Everyday โดยไฮไลท์ สำคัญเช่น Good Design Experience ด้วย Ambience ใหม่ทั่วศูนย์ฯ ด้วยlandscapeใหม่ที่เพิ่มพื้นที่สีเขียวในศูนย์การค้า
Good Shopping Experience ผนึกกำลังกับคีย์แม็กเน็ต BUs ในเครือและพันธมิตรที่พร้อมกันปรับโฉมใหม่ เช่น ห้างเซ็นทรัลในคอนเซ็ปต์ “Muay Thai Experience” และ “Sneaker Club” รวมแบรนด์รองเท้าผ้าใบ, B2S คอนเซ็ปต์“Farmhouse” ตอบโจทย์กลุ่ม Young & Family, Tops กับโซนใหม่ Cuisine Masters เครื่องปรุงนำเข้าจากทั่วโลก และ Frozen & Co. แบรนด์อาหารแช่แข็งของTops
นอกจากนี้ยังมี Supersports, Powerbuy, B2S, โรงภาพยนตร์ SF โฉมใหม่ในคอนเซ็ปต์ ‘Home Cinema’ พร้อม 6 โรงภาพยนตร์คุณภาพ และโรงแบบ 4Kและดึงแบรนด์ใหม่อีกกว่า 200 แบรนด์ อาทิ UNIQLO-Kid zone Concept ใหม่ที่แรกในไทย, BEAUTRIUM, CROCS, ALL ABOUT YOU, OWNDAYS
Good Food Destination Experience ที่ดีที่สุดในย่าน อาทิ SHABU TOMO, Salad Factory, Sizzler Dining ชิลเอาท์ แห่งใหม่ วิว Rooftop และ Food Patio รวม Street foods ร้านดังกว่า 300 เมนูอร่อย ,Good Instagrammable Landmark Experience จุดถ่ายรูปสวยทั่วศูนย์ฯเช่นจุดเช็กอินสนามมวยจำลอง และจุดถ่ายรูปกระต่ายผลงาน ลันลัน-ด้วยรัก ผดุงวิเชียร นักออกแบบระดับโลกจาก Society of Illustration (2020, 2021) Los Angeles และGood & Green Convenience Experience แลนด์มาร์กแห่งคุณภาพชีวิตที่ดีแบบ Eco-living ด้วยบริการจุดชาร์จรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
3 Create Vibes & Local Engagement ดึงเอกลักษณ์ย่านมาสร้างครีเอทีฟอีเว้นท์ตลอดทั้งปี โดยใช้ Local essence ของย่านมาตกแต่งห้างในคอนเซ็ปต์ใหม่ ‘เวทีใหม่ ช้อปท้าชน’ Your New Shopping Arena พร้อมกับจัด Creative events หมุนเวียนตลอดทั้งปีเพื่อสร้างสีสันให้คนในย่าน
“ตอนนี้แม้ว่าทราฟฟิกจะยังไม่กลับมาเทียบเท่ากับช่วงก่อนโควิด แต่คนในพื้นเข้ามาใช้บริการในศูนย์เยอะโดยเฉพาะกลุ่มเฟิร์สจ๊อปเปอร์-แฟมิลี่ ซึ่งมียอดใช้จ่ายต่อบิลสูง โดยส่วนใหญ่เข้ามาใช้บริการในร้านอาหาร ส่วนเด็กวัยรุ่นจะหันไปช้อปออนไลน์มากกว่าและจะเข้ามาใช้บริการเมื่อศูนย์มีกิจกรรม ซึ่งต้นเดือนกุมภาพันธ์เราจะจัดงานอีเว้นต์ Japan Expo ดึงศิลปินจากญี่ปุ่นมากกว่า 200 ชีวิต และศิลปินไทยกว่าอีกกว่า 200 ชีวิตเพื่อกระตุ้นแฟนคลับของศิลปินทั้งไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกงให้เข้ามาที่นี่ด้วย”
อย่างไรก็ตามผู้บริหารกล่าวต่อไปว่า สำหรับอีกปัจจัยบวกที่น่าจับตามองคือ การเปิดประเทศของจีน แต่คาดว่า นักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับเข้ามาในประเทศไทยช่วงปลายไตรมาส2 ต้นไตรมาส 3 เนื่องจากระบบโลจิสติกส์และสายการบินยังไม่เปิดเที่ยวบินครบทุกเที่ยวบิน แต่นับเป็นสัญญาณที่ดีเพราะประเทศไทยเป็น First destination ที่คนจีนอยากมา ปัจจุบันมีชาวจีนที่พักอาศัยและทำงานในไทยเข้ามาจับจ่ายจำนวนไม่น้อย
ซึ่งทางห้างเซ็นทรัลมีการจับมือร่วมกับททท.หรือ Alipay,Union pay หรือ WeChat รวมทั้งความร่วมมือกับสายการบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาซึ่งจีนถือเป็นทาร์เก็ตสำคัญของธุรกิจค้าปลีก ส่วนกำลังซื้อตอนนี้ถือว่าฟื้นกลับมาเกือบ100%แล้ว นอกจากนี้โครงการช้อปดีมีคืนและเทศกาลตรุษจีนยังช่วยกระตุ้นให้คนมีกำลังในการช้อปปิ้งมากขึ้นถือเป็นนโยบายของรัฐที่มาถูกที่ถูกเวลา หลังจากการรีโนเวท “เซนทรัล รามอินทรา” ครั้งนี้คาดว่าจะมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้นจาก 17,000 คนขึ้นเป็น 20,000 คนต่อวัน