ผ่างบลงทุน "แสนล้าน" เซ็นทรัลพัฒนาซุ่มปั้นโปรเจ็คอะไรบ้าง

10 มี.ค. 2566 | 00:33 น.

“เซ็นทรัลพัฒนา” ปักหมุดแผนลงทุน 5 ปี งบ135,000 ล้านบาท เทน้ำหนักปั้น Retail - Mega Mixed-use Projects กว่า225 โครงการ ครอบคลุม 30 เมืองในไทยและอาเซียน ย้ำภาพจำ Retail and Mixed-use Developer ดันยอดเติบโตไม่ต่ำกว่า20%

ไม่ว่าจะก้าวไปทางไหนก็เป็นที่น่าจับตามองเสมอสำหรับ บิ๊กค้าปลีกอย่าง “เซ็นทรัลพัฒนา” ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ซึ่งล่าสุดแม่ทัพใหญ่ วัลยา จิราธิวัฒน์ พร้อมทีมบริหาร ออกมาเปิดเผยแผนการลงทุนในระยะ 5-10 ปีภายใต้เม็ดเงินมหาศาลหลัก “แสนล้าน” บาท โดยงบส่วนใหญ่ยังคงถูกใช้กับธุรกิจหลักอย่าง Retail ที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของบริษัท และที่น่าจับตามองอย่างยิ่งก็คือ แผนการลงทุน 5 Mega Mixed-use Projects ที่ถูกวางตัวให้เป็นkey Driverใหม่ของกลุ่ม

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา CPN มีรายได้รวม 37,155 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 28% และมีกำไร10,760ล้านบาทเติบโต 51% ปัจจุบันนี้สถานการณ์โรคระบาดต่างๆคลี่คลายลงมาก การใช้ชีวิตของผู้คนกลับมาเป็นปกติ และCPNพร้อมที่จะกลับมาทำธุรกิจอย่างเต็มที่หลังจากมองเห็นการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีนที่กำลังจะเข้ามาเพิ่มการจับจ่ายทำให้ธุรกิจของCPNในเมืองท่องเที่ยวเติบโตมากกว่าจุดอื่นๆ โดยเฉพาะภูเก็ตที่มีการเติบโตมากกว่า 126% มากกว่าปี 2019 หรือก่อนโควิด สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยว่าฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

“เราเป็นธุรกิจที่อยู่ในภาคบริการ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเราโดนผลกระทบค่อนข้างมาก  แต่ตอนนี้ทุกอย่างฟื้นตัวอย่างรวดเร็วทำให้เรามีความมั่นใจว่าจะเดินหน้าได้ดีกว่าปี 2019 หรือก่อนหน้าโควิดแน่นอน โดยเราอยากเห็นตัวเลขการเติบโตเฉลี่ยต่อปีไม่น้อยกว่า 10% หรือราวๆ 12-13% ส่วนปีนี้เราตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 20% และเราไม่ได้จำกัดแค่การทำธุรกิจรีเทลหรือศูนย์การค้าแต่จะมองหา New-Segment ใหม่ๆมาเพิ่ม Eco system ของเรา และมองหาพาร์ทเนอร์ใหม่ๆเพื่อตอบโจทย์และสไตล์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป” 

ผ่างบลงทุน "แสนล้าน" เซ็นทรัลพัฒนา

ทั้งนี้ CPN ได้เซ็ตกลยุทธิ์การดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all และแนวคิด Centre of Life  นอกจากธุรกิจศูนย์การค้าแล้วยังขยายไปสู่ธุรกิจคอมมูนิตี้ มอลล์, ที่อยู่อาศัย, อาคารสำนักงาน และโรงแรมทั่วประเทศตามโมเดลธุรกิจแห่งอนาคต ‘The Ecosystem for All’ โดยมีธุรกิจ Retail เป็นแกนหลัก

 

หากย้อนกลับมาดูแผนลงทุน 5 ปี (ปี 2566-2570) จะพบว่าCPN ได้ตั้งงบสำหรับการลงทุนไว้สูงถึง 135,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 25,000-30,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการมากกว่า 200 โครงการ ครอบคุลม 30 เมืองในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ประกอบด้วย ศูนย์การค้า 50 แห่ง, คอมมูนิตี้ มอลล์ 17 แห่ง, ที่อยู่อาศัย 90 แห่ง, โรงแรม 37 แห่ง, อาคารสำนักงาน 13 แห่ง และพื้นที่ใหม่ๆ Flex Offices อีก 4 แห่ง โดยจะทำให้จำนวนโครงการมิกซ์ยูสเพิ่มขึ้นจาก 18 โครงการในปี 2566 เป็น 25 โครงการในปี 2570

ผ่างบลงทุน "แสนล้าน" เซ็นทรัลพัฒนา

สำหรับโครงการใหม่เตรียมเปิดปี 2566-67 ได้แก่  ศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์: โดยมีแผนเปิดตัวศูนย์การค้าและรีโนเวตศูนย์การค้าเดิมดังนี้ 

  • Central Westville เปิด Q4/2566 งบลงทุนกว่า 6,200 ล้านบาท 
  • Central Nakhon Sawan เปิด Q1/2567 งบลงทุน 5,800 ล้านบาท 
  • Central Nakhon Pathom เปิด Q2/2567 งบลงทุน 8,200 ล้านบาท 
  • Central Krabi งบลงทุน 4,500 ล้านบาท เปิดช่วง Q4/2567 

“Central Krabi จะเป็นมิกซ์ยูสเมืองท่องเที่ยว ประกอบด้วยศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย และโรงแรม เติมเต็มศักยภาพของกระบี่ที่เป็นเมืองที่มี world’s most famous islands และTop 5 จุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยจะเป็น the first & largest complete landmark ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดและประเทศ เป็นNew gateway สำหรับคนโลคอลและนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ยังขยายและรีโนเวทศูนย์การค้า Central Ramindra เพื่อรองรับการขยายตัวของคนลาดพร้าวและรามอินทรา รวมทั้งขยาย Central Westgate 20000 ตรม.หลังจากปักหมุดเป็น Super Regional Mall ที่ทราฟฟิกดีต่อเนื่องจะจะเพิ่มพื้นที่ New Anchor ใหญ่ ,พื้นที่ค้าขายและเพิ่มอาคารจอดรถ ไปจนถึง Renovation ให้ เซ็นทรัล พัทยา และเซ็นทรัล มารีนา เป็นศูนย์การค้าที่ดีที่สุดของทุกย่านเพื่อรองรับการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก และปรับโฉมเซ็นทรัล อุบลราชธานี ให้รองรับโรงแรม Centara เติมเต็มมิกซ์ยูส, รวมถึงเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า แจ้งวัฒนะ เชียงใหม่, ขอนแก่น อีกด้วย”    

ผ่างบลงทุน "แสนล้าน" เซ็นทรัลพัฒนา
ธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์  ในปีนี้จะเน้นการสร้างการเติบโตให้กับ portfolio เพื่อรักษาความเป็นที่หนึ่งของ market share โดยมี 2 โปรเจ็คใหญ่คือ  Marché Thonglor มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท(Soft Launch 26 มี.ค. 66) เป็น Flagship of Community mall และ New Landmark ที่ใหญ่และครบครันที่สุดใจกลางทองหล่อ จับกลุ่มกำลังซื้อสูง, คนทำงานจาก Office ที่อยู่ภายในโครงการเดียวกัน, และ Expat ชาวต่างชาติ / Pet-Friendly / เป็น Food Destination ใหญ่ที่สุดในย่าน  และพัฒนาโครงการปัจจุบันที่นวมินทร์ ซิตี้ รวมทั้งปรับปรุง community mall 4 แห่งในปีนี้ เพื่อใช้เป็นโมเดลพัฒนา community mall ที่เหลือในอนาคต


ที่อยู่อาศัย  ปีที่แล้วCPN ขาย 6 โครงการแนวสูงและบ้านเดี่ยว 2 โครงการโดยได้รับการตอบรับที่ดีทั้ง 6 โครงการซึ่งเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายไว้แผนปี 2566 เตรียมเปิดโครงการใหม่ทั้งหมด 7 โครงการในศูนย์การค้าและใกล้ศูนย์การค้า มูลค่าโครงการรวมกว่า 9,000 ล้านบาท ได้แก่ คอนโดมิเนียม 3 โครงการ คือ ESCENT เพชรบุรี, บุรีรัมย์ และนครศรีธรรมราช 

และโครงการแนวราบ 4 โครงการ คือ บ้านนิรติ นครศรีธรรมราช และแบรนด์ใหม่ บ้านนิรดา พระราม 2, อุทยาน และเอกชัย ในเขตกรุงเทพฯ คาดว่าภายในปี 2570 จะครอบคลุม 27 จังหวัด และพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ Central Pattana Residents เพื่อมอบความพรีวิลเลจ ให้ลูกบ้านโดยเฉพาะ และจะขยายโครงการครอบคลุมทั่วประเทศตามศูนย์การค้าในเขตเซ็นทรัลว่าในปี 2027 จะมีโครงการครอบครอง 27 จังหวัด

ผ่างบลงทุน "แสนล้าน" เซ็นทรัลพัฒนา

อาคารสำนักงาน โดยเตรียมเปิดเผยโปรเจ็คใหญ่ Central Park Offices ภายในโครงการ Dusit Central Park โดยเป็น World-Class Professional Hub แห่งใหม่รองรับบริษัทชั้นนำระดับโลก และมีพื้นที่สีเขียวทั้งจาก Rooftop Park ขนาดใหญ่ ที่เชื่อมต่อกับสวนลุมพินี และบนชั้นพิเศษ ยังมี Private Outdoor Gardens อีกด้วย และเป็น World-Class Design and Facilities ตามมาตรฐาน Leed Gold Certified และการ Customized พื้นที่เพื่อธุรกิจทุกขนาดเป็นอาคารสำนักงาน 13 ชั้นเกรด a+ ที่ตั้งใจให้เป็นที่ทำงานของอนาคต คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2025 

“อีกส่วนหนึ่งเราพัฒนาพื้นที่ออฟฟิศให้ทันสมัยตลอดเวลา ปีที่ผ่านมาเราปรับปรุงดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ให้ยังคงเป็น world class workplace ของบริษัทชั้นนำ โดยปรับปรุงทั้งพื้นที่ รูปแบบ เซอร์วิสและฟาซิลิตี้ต่างๆ รวมทั้งฟอร์แมทใหม่ๆเช่น ‘at wOrk’  ออฟฟิศแนวใหม่ที่จะตอบโจทย์ new lifestyle หรือ hybrid work place มีทั้งห้องประชุมและ Co-working space รองรับการใช้งานผู้เช่าในตึกและบุคคลภายนอก ในอนาคตจะขยาย ‘at wOrk’ ในสาขาต่างๆของ CPN อย่างน้อย  4 โครงการทั้งในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ภายในปีนี้”

 

โรงแรม  ในปี 2566 นี้จะเปิดโรงแรมครบทุก 3 แบรนด์ และจะมีโรงแรมทั้งสิ้น 10 แห่ง 1,600 ห้อง สำหรับโครงการใหม่ที่เตรียมเปิดปีนี้ ได้แก่ 1) แบรนด์ Centara: Upscale Full-Service เตรียมเปิด Centara Ubon เดือนนี้’ และ ‘Centara Ayutthaya ปลายปี  ตอบโจทย์การประชุมทั้งภาครัฐเอกชนและงานเวดดิ้ง

2) แบรนด์ Centara One: Lifestyle Midscale เตรียมเปิดแห่งแรกคือ Centara One Rayongรองรับกลุ่มลองสเตย์ได้  และ 3) แบรนด์ GO! Hotel: ปีนี้เพิ่ม 3 โลเคชั่น Premium Budget Hotel และเป็น Pet-Friendly เตรียมเปิดที่โรบินสันบ้านฉาง, เซ็นทรัล ศรีราชา และเซ็นทรัล ชลบุรี  

ผ่างบลงทุน "แสนล้าน" เซ็นทรัลพัฒนา

“5 ปีนี้เราเติบโตอย่างมาก จากนี้เราจะขยายโรงแรมโดยเกาะไปกับห้างเซ็นทรัลและเซ็นทรัลกรุ๊ป ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ที่ตอบโจทย์ลูกค้าสมัยใหม่ในทุก segment ได้  รวมทั้ง Local engagement โดยใช้แรงงานท้องถิ่น ผลิตภัณฑ์ วัสดุและculture ผสมเข้าไปในโรงแรมนั้น และสำหรับเซ็นทาราเราสร้างอีเวนท์ ฮอลล์ที่สวยที่สุดในจังหวัด รวมทั้งRooftop Barในโรงแรมทุกแห่งที่ขยายในต่างจังหวัดอีกด้วย”

 

นอกจากนี้ ยังได้วางแผนระยะยาว 5-10 ปีในการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส Mega Mixed-use Projects รวม 5 โครงการ ที่แต่ละโครงการใหญ่เทียบเท่า centralwOrldหรือมีพื้นที่มากกว่า 350,000 ตารางเมตรและมีงบลงทุนไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาทต่อโครงการ โดยมี Dusit Central Park ภายใต้การร่วมทุนกับกลุ่มดุสิตธานี งบลงทุนรวม 46,000 ล้านบาท เป็นโครงการนำร่อง ซึ่งเป็น One-of-a-kind Mixed-Use Project ระดับโลก ประกอบไปด้วย 4 ส่วนคือ Ultra-Luxury Branded Residence, โรงแรมระดับ Global Legendary Iconic แห่งเดียวของไทย, อาคารสำนักงานระดับ Grade A+ ที่ตั้งใจจะเป็น Global Prototype ของ Future Workplace และศูนย์การค้า Central Park ที่เชื่อมต่อทุกส่วนเข้าด้วยกัน โดยมีคอนเซ็ปต์ ‘Here for curated experience and inspiration’ ละพื้นที่สีเขียว 7 ไร่ให้คนกรุงเทพฯ

 

ส่วนอีก 4 Mega Mixed-use Projects อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการและจะทยอยเปิดตัวหลังจากนี้ คาดว่าภายในปีนี้จะมีความคืบหน้า 2 โครงการ อย่างไรก็ตามทั้ง 5 โครงการจะถูกพัฒนาขึ้นบนที่ดินที่ CPN เป็นเจ้าของและพร้อมพัฒนาและ 4 ใน 5 โครงการที่จะเกิดขึ้นเป็นการ เป็นการ joint venture ร่วมกับ partner และจะพัฒนาในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล

“Retail ยังคงเป็นพระเอกของเซ็นทรัลพัฒนาและยังคงเป็นรายได้หลักของบริษัท แผนการขยายธุรกิจต่างๆเริ่มกลับมาอยู่ในโหมดปกติ โดยงบลงทุน 135,000 ล้านบาทจะถูกใช้ในการลงทุนใน Domestic Retail กับ Mixed use  project 70% ส่วนที่เหลือจะเป็น Residence และ non-Retail อื่นๆรวมกัน 30%  เพราะโพชิชันนิ่งของ CPN ยังคงเป็น  และRetail และ Mixed use developer  ซึ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในส่วนของ Retail เราไม่ได้หยุดขยาย ทุกๆโครงการมีการวางแผนไว้ 5 ปี พอสถานการณ์กลับมาปกติเราก็เริ่มเปิดโครงการใหม่ เพราะฉะนั้นรายได้จึงค่อนข้างเติบโต 

 

ขณะที่ศูนย์การค้าเก่าเราก็มีแผนรีโนเวทให้ศูนย์การค้าของเราอัพเดทมากที่สุดเพื่อทำให้แอสเสทของเรามีมูลค่าเพิ่มและมีรายได้เพิ่มขึ้น  เช่นเซ็นทรัลเวสเกตจะมีการขยายพื้นที่ 20,000 ตารางเมตร โดยใช้เม็ดเงินลงทุน 650 ล้านบาทเพิ่มเติมจากพื้นที่ปัจจุบันเพราะทุกๆโครงการเราจะเตรียมพื้นที่สำหรับขยายในอนาคตตั้งแต่เริ่มโปรเจ็กต์แล้ว”