“เบอร์นาร์ด อาโนลด์” ซีอีโอแห่งอาณาจักร LVHM วัย 74 ปี ถือเป็นบุคคลที่ 3 ของโลก ที่มีทรัพย์สินสูงถึง 200 พันล้านเหรียญ หรือประมาณ 6,860 ล้านบาท กว่า 30 ปีที่เขาขยายอาณาจักรธุรกิจแฟชั่นและความงาม เขากลายมาเป็นผู้มีอิทธิพลด้านแฟชั่นคนหนึ่งของโลก ด้วยแบรนด์หรูในมือถึง 75 แบรนด์ เช่น ‘หลุยส์ วิตตอง’ (Louis Vuitton), ‘ทิฟฟานีแอนด์โค’ (Tiffany & Co.) ,‘คริสเตียน ดิออร์’ (Dior) เป็นต้น
ปัจจุบัน ทายาททั้ง 5 คนของเขาได้เข้ามาช่วยบริหารธุรกิจในเครือ ท่ามกลางการจับตาว่า อาโนลด์จะส่งไม้ต่อให้ใครมาบริหารธุรกิจต่อจากเขา มีข่าวว่าจะเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้
ครอบครัวอาโนลด์และการส่งไม้ต่อธุรกิจ
อาโนลด์ ผ่านการแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งแรกกับ “แอนน์ เดวาฟริน” (พ.ศ. 2516–พ.ศ. 2533) และครั้งที่ 2 กับ “เฮเลน เมอร์ซิเออร์” (พ.ศ. 2534 - ปัจจุบัน) มีทายาทรวมทั้งหมด 5 คน ได้แก่ เดลฟีน อองตวน อเล็กซานเดร เฟรเดริก และฌอน
“เดลฟีน” ลูกสาวคนโตของอาโนลด์ เพิ่งรับตำแหน่งซีอีโอ ดิออร์ (Dior) เมื่อมกราคมที่ผ่านมา ขณะที่ “เฟรดเดริก” ลูกชายอีกคน ก็เพิ่งได้รับเลือกให้เป็นซีอีโอนาฬิกาหรู อย่าง Tag Heuer ด้วยวัยเพียง 25 ปี
บรรดานักวิเคราะห์มองว่า “กลยุทธ์การวางตัวทายาทเพื่อสืบทอดกิจการ ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่สร้างความสำเร็จให้ LVMH ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา เวลานี้อาโนลด์ ยังไม่ได้เปิดเผยว่าลูกคนไหนจะมารับช่วงต่อบริหารจากเขา แต่เป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงทุกครั้ง เมื่อเขามอบบทบาทสำคัญให้กับลูกหลานคนใดคนหนึ่ง
ขณะที่ปีที่แล้ว LVMH ได้เพิ่มเพดานอายุของซีอีโอบริษัท จาก 75 ปีเป็น 80 ปี ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่าเขาจะยังนั่งเก้าอี้ซีอีโอบริษัทต่อไป
"เดลฟีน" ลูกสาวคนโต ซีอีโอคนล่าสุดของ “ดิออร์”
“เดลฟีน” คือ ลูกคนโตในบรรดาลูกทั้ง 5 คนของอาโนลด์ เกิดในปี 2518 ปัจจุบันอายุ 48 ปี เธอเริ่มต้นการทำงานที่บริษัท McKinsey บริษัทที่ปรึกษาเบอร์ 1 ของโลก ในฐานะที่ปรึกษาอยู่ 2 ปีก่อนจะย้ายไปทำงานที่บริษัทของนักออกแบบ จอห์น แกลลิอาโน
เดลฟีนทำงานที่ Christian Dior ในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการตั้งแต่ปี 2551-2556 ก่อนที่เธอจะเข้ามาทำงานในตำแหน่งรองประธานบริหารของ Louis Vuitton ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดของ LVMH เป็นระยะเวลา 10 ปี
จนกระทั่งเธอเข้ามารับตำแหน่งซีอีโอ และนั่งเป็นประธานบริหารแบรนด์ดิออร์ (Dior) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
เดลฟีน ยังอยู่ในคณะกรรมการบริหารของ LVMH โดยถือเป็นสมาชิกซึ่งเป็นผู้หญิงคนที่ 2 และอายุน้อยที่สุด โดยเธอเข้าร่วมตั้งแต่อายุ 43 ปี
อองตวน อาร์โนลด์ “ผู้กุมบังเหียน LVMW” บริษัทของครอบครัว
อองตวนเป็นลูกชายคนโตของเบอร์นาร์ด เกิดในปี 2520 ปัจจุบันอายุ 46 ปี เขาเป็นพี่น้องร่วมมารดากับพี่สาวเดลฟีน ที่เกิดจาก“แอนน์ เดวาฟริน” ภรรยาคนแรกของเบอร์นาร์ด
อองตวนเริ่มทำงานที่ LVMH ในปี 2548 ในแผนกโฆษณา เพียง 2 ปีต่อมา เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารที่ Louis Vuitton ซึ่งเขาร่วมคิดแคมเปญการตลาด และเปิดตัวคนดังที่มาร่วมงาน ตั้งแต่ แองเจลินา โจลี, โบโน ไปจนถึงมูฮัมหมัด อาลี
ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว อองตวนได้รับแต่งตั้งให้เป็นซีอีโอของ Christian Dior SE ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ครอบครัวใช้ในการควบคุมบริษัท LVMH โดยการถือหุ้น และเขายังเป็นซีอีโอบริษัทรองเท้า Berluti และผู้ถือหุ้นของ Cashmere label Loro Piana
อองตวนขึ้นมาเป็นคณะกรรมการบริหารของ LVMH ในปี 2549 และเป็นหัวหน้าด้านภาพลักษณ์องค์กรและสิ่งแวดล้อม มาตั้งแต่ปี 2561
"อเล็กซานเดร" ผู้บริหาร Tiffany & Co. ที่ได้รับคำชมจาก"ทรัมป์"
"อเล็กซานเดร" เกิดในปี 2535 ปัจจุบันอายุ 31 ปี เขาเป็นลูกชายคนแรกของอาโนลด์ ที่เกิดกับภรรยาคนปัจจุบัน เฮเลน เมอร์เซีย ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นรองประธานบริหาร Tiffany & Co.
หลังจากฝึกงานในนิวยอร์กที่บริษัทที่ปรึกษาที่ปรึกษา McKinsey และ KKR แล้ว อเล็กซานเดรก็ย้ายไปช่วยงานอาณาจักรค้าปลีกของบิดา เพื่อทำงานด้านนวัตกรรมดิจิทัล
จากนั้นในปี 2016 เขาได้โน้มน้าวให้พ่อของเขาซื้อหุ้น 80% บริษัท Rimowa แบรนด์กระเป๋าเดินทางสัญชาติเยอรมัน เขาใช้เวลาประมาณ 4 ปีตำแหน่งซีอีโอของพลิกฟื้นธุรกิจ Rimowa และยังร่วมมือกับพันธมิตรกับแบรนด์ Active wear อย่าง Supreme และ Off-White ด้วย
ในปี 2563 หลังจาก LVMH ซื้อ Tiffany & Co. ผู้ผลิตเครื่องประดับ ด้วยมูลค่า 1.58 หมื่นล้านดอลลาร์ อเล็กซานเดรก็ได้รับแต่งตั้ง เป็นรองประธานบริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์และการสื่อสารของบริษัท ด้วยวัยเพียง 28 ปี
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยกล่าวชื่นชมอเล็กซานเดร หลังจากเลี้ยงอาหารค่ำอเล็กซานเดรและภริยาที่ Mar-a-Lago โดยบอกว่า “เขาเป็นชายหนุ่มผู้ไม่หยุดนิ่ง เป็นบุตรชายของนักธุรกิจและผู้นำผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในยุโรปและในโลก”
"เฟรเดริก" ซีอีโอแบรนด์นาฬิกาหรู Tag Heuer
"เฟรเดริก" ทายาทคนที่ 4 ของอาร์โนลด์ เกิดในปี 2538 ปัจจุบันอายุ 28 ปี หลังจากเขาฝึกงานที่ Facebook และ McKinsey ซึ่งเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้เรียนรู้เทคโนโลยีด้านการเงิน เฟรเดริกได้ก้าวขึ้นมาทำงานในเครือ LVMH
เขาเข้าร่วมงานกับบริษัทเต็มเวลาในปี 2560 ในตำแหน่งหัวหน้าชั่วคราวแผนกเทคโนโลยี คอยประสานงานกับผู้ผลิตนาฬิกาที่สวิสเซอร์แลนด์ จากนั้น 1 ปีต่อมา เขาก็กลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และดิจิทัลของ TAG จนกระทั่งในปี 2563 เขาได้รับการเสนอชื่อให้เป็นซีอีโอของแบรนด์ ด้วยวัยเพียง 25 ปี
The New York Times รายงานว่า อาโนลด์คือผู้อยู่เบื้องหลังที่ปั้นให้เฟรเดริกก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของ TAG Heuer ตั้งแต่แรก แม้ว่าระหว่างทางอาจจะไม่ได้ราบรื่นนัก เพราะซีอีโอ TAG Heuer คนเก่ามักมีเรื่องกระทบกระทั่งกับเฟรเดริก
ช่วงเวลาที่เฟรเดริก ขึ้นมาบริหารบริษัท เขายังสนใจพัฒนาให้นาฬิกาที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ เปลี่ยนแปลงจากการค้าส่งไปสู่การค้าปลีก และเพิ่มยอดขายอีคอมเมิร์ซ
"ฌอน ลูกชายคนสุดท้อง" ผู้ดูแลแผนกนาฬิกาของหลุยส์ วิตตอง
"ฌอน เป็นลูกชายคนสุดท้องของอาโนลด์ ปัจจุบันอายุ 25 ปี เขาทำงานที่ LVMH หลังจากจบการศึกษาปริญญาโทด้านคณิตศาสตร์การเงินจาก MIT และอีกใบในวิศวกรรมเครื่องกลจาก Imperial College ในลอนดอน
ช่วงเป็นนักศึกษา เขาฝึกงานที่บริษัท Morgan Stanley และ McLaren Racing และไปฝึกงานช่วงเวลาสั้นๆ ที่ร้านหรือชอป Louis Vuitton ในปารีส
ไม่กี่เดือนหลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษา ฌอนเข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาแผนกนาฬิกาของ Louis Vuitton ในเดือนสิงหาคม 2564 ขณะอายุ 23 ปี
ฌอน เคยเปิดเผยต่อสื่อว่า เฟรเดริก พี่ชายของเขาซึ่งบริหารแบรนด์ TAG Heuer คือผู้จุดประกายให้เขาสนใจในอยากทำธุรกิจนาฬิกาบ้าง เขาทั้ง 2 คนสนิทกันและมักคุยเรื่องนาฬิกาอย่างถูกคอ ฌอนมักขอคำปรึกษาเรืองการทำงานจากพี่ชายเสมอ
ที่มา : Business Insider