เด็กเกิดใหม่ลด “แปซิฟิค พ้อยท์” เบนเข็มขยายตลาดเพื่อนบ้าน

11 เม.ย. 2566 | 22:13 น.

ชี้แนวโน้มเด็กไทยเกิดใหม่ลดลง หลังติดลบต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 “แปซิฟิค พ้อยท์” ผู้นำเข้าสินค้าแม่และเด็กแบรนด์ดัง เล็งปรับแผนธุรกิจหันขยายตลาดประเทศเพื่อนบ้าน หัวเมืองรอง มั่นใจตลาดฟื้นตัวหลังเปิดประเทศ ทำให้คนใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้น

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย สวนทางกับอัตราการเกิดของเด็กไทยที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยพบว่า ปี 2565 มีอัตราเด็กเกิดใหม่เพียง 502,107 คน และมีคนตาย 595,965 คนนั่นหมายความว่าอัตราเพิ่มตามธรรมชาติของประชากรไทย ติดลบเป็นปีที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งเป็นปีแรกที่จำนวนเด็กเกิดน้อยกว่าจำนวนคนเสียชีวิต แต่ความต้องการสินค้าในเซกเม้นท์แม่และเด็กยังคงมีการเติบโตมากขึ้น ทำให้ตลาดนี้ยังน่าจับตามอง

นางสาวพีม อนันตประกร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิค พ้อยท์ จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันตลาดสินค้าแม่และเด็กมีมูลค่ารวมราว 3.5 หมื่นล้านบาท แต่หากตัดเซกเมนต์ของใช้สิ้นเปลืองเช่น นมผง ผ้าอ้อมออกไปจะเหลือมูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นตลาดที่เติบโตได้ดีในประเทศไทยและมีการแข่งขันที่สูงมาก เพราะพ่อแม่ให้ความสำคัญกับของใช้ของลูกมากขึ้น และตลาดสินค้าแม่และเด็กเป็นตลาดที่นำเข้าสินค้าและดำเนินธุรกิจซื้อขายได้ง่าย ทำให้มีผู้เล่นเข้ามาในตลาดมากขึ้น

เด็กเกิดใหม่ลด “แปซิฟิค พ้อยท์” เบนเข็มขยายตลาดเพื่อนบ้าน

อย่างไรก็ตามประเด็นที่กังวลสำหรับอุตสาหกรรมนี้คือ อัตราการเกิดของเด็กที่ลดลงอย่างมาก เช่นในปีที่ผ่านมามีอัตราการเกิดราว 5 แสนคนต่อปีทำให้ดีมานด์ในตลาดที่น้อยอยู่แล้วลดลงไปอีก ขณะเดียวกันพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการศึกษาหาความรู้มากขึ้น และหันมาซื้อของผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้นกว่าเดิม

ในส่วนของ “แปซิฟิค พ้อยท์” ปัจจุบันนำเข้าและจัดจำหน่ายของเล่นเพื่อส่งเสริมและสร้างพัฒนาการเด็กเล็กแรกเกิด จนถึง 3 ปี รวมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ของแม่และเด็กจากประเทศสหรัฐอเมริกาและกลุ่มประเทศยุโรป มากกว่า 10 แบรนด์รวมกว่า 1,500 รายการ เจาะตลาดกลางและพรีเมียมเป็นหลัก สามารถสร้างการเติบโตในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยมียอดขายเติบโตขึ้นราว 30-40%

โดยเฉพาะไฮซีซั่นไตรมาสที่ 4 ต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 1 ซึ่งเป็นช่วงที่สามารถทำรายได้ได้มากที่สุดเพราะเป็นช่วงเทศกาล คนมีการใช้จ่ายซื้อของเป็นของขวัญปีใหม่หรือคริสต์มาส ปัจจุบัน แปซิฟิค พ้อยท์ มีมีสินค้าที่เกี่ยวกับแม่และเด็กทั้งกลุ่มของเล่น ของใช้ รถเข็น คาร์ซีท ของใช้คุณแม่ เครื่องปั๊มนมไปจนถึงของเล่นเด็กโต ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างมากจากกฎหมายที่บังคับให้รถยนต์ต้องมีที่นั่ง

คาร์ซีท” สำหรับเด็ก ซึ่งปีนี้ก็เชื่อว่าจะยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจาก2 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงโควิดตลาดรถเข็นซบเซาลงจากการที่คนไม่ออกจากบ้าน แต่ปีนี้เริ่มมีการเดินทางมากขึ้น ดังนั้นคาร์ซีทและรถเข็นน่าจะยังเป็นเซกเมนต์ที่จะทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น บวกกับบริษัทมีแผนจะนำเข้าแบรนด์ใหม่ๆ อย่างน้อย 1-2 แบรนด์ที่จะเปิดตัวในปีนี้โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องปั๊มนม เบื้องต้นมองว่าในปีนี้บริษัทน่าจะเติบโตได้อย่างน้อย 20%

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนขยายตลาดในต่างจังหวัดโดยหาพาร์ทเนอร์ที่เป็นร้านค้าแม่และเด็กในต่างจังหวัดเพื่อขยายช่องทางจำหน่ายแบรนด์ระดับกลาง โดยเฉพาะในหัวเมืองรองซึ่งมีศักยภาพอย่างมาก ควบคู่ไปกับการขยายตลาดต่างประเทศ โดยเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านที่บริษัทถือไลเซ่นส์

เด็กเกิดใหม่ลด “แปซิฟิค พ้อยท์” เบนเข็มขยายตลาดเพื่อนบ้าน

เช่นกัมพูชา เวียดนาม สปป.ลาว ซึ่งผู้ประกอบการอาจไม่มีกำลังในการนำเข้าสินค้าล็อตใหญ่ หรือเข้าถึงสำนักงานใหญ่ของแบรนด์ใหญ่ได้ แต่ผู้ประกอบในประเทศเหล่านั้นสามารถแชร์สินค้าจากแปซิฟิก พ้อยซ์ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายในไทยในจำนวนที่ไม่มากได้เพื่อทดลองตลาดก่อน

“ปัจจุบันอัตราการเกิดของเด็กลดลงอย่างมากกลุ่มลูกค้าระดับบนยิ่งลดลงอีก เพราะฉะนั้นเราจึงต้องดึงลูกค้าในระดับล่างและระดับกลางให้ขึ้นมาอยู่ระดับกลางและระดับบนให้มากขึ้น ไม่เช่นนั้นลูกค้ากลุ่มบนของเราจะหายไปเลย เพราะทุกคนพยายามคอนเซิร์นในเรื่องของค่าใช้จ่ายมากขึ้น ขณะเดียวกันเราพยายามขยายตลาดไปต่างจังหวัดและต่างประเทศ เพราะเราถือโกลบอลแบรนด์ในมือทำให้มีแรงกดดันเรื่องยอดขายที่ต้องทำให้ถึงเป้าหมาย เมื่อลูกค้าเราเล็กลงแต่เป้าหมายเราเติบโตขึ้นเราจะต้องพยายามหาเค้กก้อนใหม่มากินเรื่อยๆ”

หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,875 วันที่ 2 - 5 เมษายน พ.ศ. 2566