นางสาวปรมตา จันทกูล ผู้จัดการธุรกิจ ลีกุมกี่ ในประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังสถานการณ์การระบาดของโควิด -19 คลี่คลาย ผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตตามปกติเหมือนเดิม ทำให้ธุรกิจร้านอาหารกลับมามีการเติบโตอีกครั้งหนึ่ง ในปี 2566 นี้ บริษัทจะเน้นเปิดตัวสินค้าใหม่ ที่ตอบโจทย์ในกลุ่มโฮเรก้า (โรงแรม ร้านอาหาร และการจัดเลี้ยง) หลังจากก่อนหน้านี้ที่ยอดขายสินค้าสำหรับใช้ทำอาหารรับประทานเองที่บ้านเติบโตสูง แต่ได้เริ่มปรับตัวลดลง ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่กลับมารับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น
“การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนหันมารับประทานอาหารที่บ้านมากขึ้น สินค้าสำหรับใช้ทำอาหารรับประทานที่บ้านจึงเติบโตสูงตามไปด้วย แต่ขณะเดียวกันก็มีกระแสของสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพที่เติบโตตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเช่นกัน ซึ่งบริษัทได้ขยายไลน์โดยนำสินค้าที่ตอบโจทย์สุขภาพมาทำตลาดในเอเชียต่อเนื่องในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา”
อย่างไรก็ดีบริษัทเริ่มรุกทำตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพในไทยมากว่า 3 ปี โดยส่วนใหญ่สินค้าจะขายในช่องทางฟู้ดเซอร์วิส เนื่องจากผลตอบรับดีส่วนในปีนี้บริษัทมีแผนขยายการขายไปยังช่องทางค้าปลีกให้มากขึ้น โดยบริษัทมีแผนเปิดตัว “ซอสหอยนางรม ไม่ใส่ผงชูรส” ออกวางจำหน่ายในไตรมาส 3 ของปีนี้ด้วย
ทั้งนี้ “ลีกุมกี่” ได้เข้าร่วมงาน THAIFEX-Anuga Asia 2023 โดยนำเสนอภายใต้แนวคิด “จากเอเชียสู่ทุกครัว” (From Asia to Any Kitchen) นําเสนอโซลูชั่นการบริการด้านอาหารระดับมืออาชีพ พร้อมดีไซน์การออกแบบให้คล้ายกับการนั่งรถไฟ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางของการนำรสชาติของเอเชียไปสู่ครัวทุกแห่งทั่วโลก และมีโซนที่โดดเด่นในตู้รถไฟจัดแสดงซอสและเครื่องปรุงรส Lee Kum Kee หลากหลายชนิด สีแดงที่โดดเด่นของรถไฟสะท้อนถึงเอกลักษณ์องค์กรที่แข็งแกร่งของบริษัทและ มรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ประกอบด้วย 4 โซน
แต่ละโซนมีธีมที่แตกต่างกัน ได้แก่ “Timeless Classic” “Asian Culinary Essentials” “Asian Culinary Range” และ “New Culinary Trends” โดยโซนเหล่านี้จะจัด แสดงซอสคลาสสิกและยอดนิยมของลีกุมกี่ เช่น ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว และนํ้ามันงา ตลอดจนตัวเลือกเพื่อ สุขภาพและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมอื่นๆ เช่น ซีอิ๊วขาวปราศจากกลูเตน ซอสหอยนางรมเจ ซอสหอยนางรมลดเกลือ ซุปไก่โสมสําเร็จรูป และซุปเสฉวนเผ็ดร้อนสําเร็จรูป เป็นต้น
นอกจากนี้ ลีกุมกี่ยังได้เน้นยํ้าถึงความสามารถในการผลิตซอสอาเซียนอย่างโดดเด่นในงาน Thailand Ultimate Chef Challenge ครั้งที่ 9 ปี 2023 ซึ่งบริษัทเป็นผู้สนับสนุนด้านซอสระดับพรีเมียมอย่างเป็นทางการสําหรับการแข่งขันการทําอาหาร ประเภท “ข้าวและบะหมี่เอเชีย” (Asian Rice and Noodle Challenge) ระหว่างวันที่ 23-27 พ.ค. ที่ผ่านมาด้วย เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถรับรู้ถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของลีกุมกี่ อย่างสร้างสรรค์จากมุมมองใหม่ด้วย
นางสาวเชอรอล ชาน ผู้อํานวยการฝ่ายการตลาดระดับภูมิภาคเอเชียใต้ ของ ลีกุมกี่ ซอส กรุ๊ป (Lee Kum Kee Sauce Group) กล่าวว่า ลีกุมกี่ดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลา 135 ปี มีสินค้ามากกว่า 300 รายการ วางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยสำนักงานใหญ่ของลีกุมกี่ตั้งอยู่ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประเทศจีน
และมีฐานการผลิตอื่นๆ ใน Xinhui, Huangpu และ Jining ประเทศจีน, ลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา และกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ส่วนในประเทศ ลีกุมกี่เข้ามาทำตลาดเมื่อ 20 ปีก่อน และปัจจุบันมีสินค้าวางจำหน่ายราว 40 รายการ ผ่านตัวแทนจำหน่าย 2 ราย ได้แก่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง และ บริษัท แพนฟู้ด จำกัด
“ด้วยมรดกตกทอดมากว่า 135 ปี ที่หยั่งรากลึกในอาหารเอเชีย ลีกุมกี่มุ่งมั่นที่จะรักษาประเพณีและต้นตํารับของอาหารเอเชีย ในขณะเดียวกันก็สร้างแรงบันดาลใจให้เชฟและพันธมิตรด้านบริการอาหารได้ค้นพบความเป็นไปได้ในการผสมผสานรสชาติของเอเชียเข้ากับอาหารโลก ในการเข้าร่วมงาน THAIFEX ครั้งนี้ด้วย”
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,891 วันที่ 28 - 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2566