ปัญหาการสูญเสียอาหาร (Food Loss) และขยะอาหาร (Food Waste) ที่ถูกทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์นั้น ถือเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังและเร่งด่วน สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals “SDGs”)
ในเป้าหมายที่ 12 : สร้างหลักประกันให้มีแบบแผนการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน และเป้าหมายย่อยที่ 12.3 : ลดของเสียอาหารของโลกลงครึ่งหนึ่งในระดับค้าปลีกและผู้บริโภค และลดการสูญเสียอาหารตลอดการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงการสูญเสียหลังการเก็บเกี่ยว ภายในปี พ.ศ. 2573
“ชาบูชิ” (SHABUSHI) ร้านอาหารญี่ปุ่นในเครือบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ “โออิชิ” ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติและอาหาร และเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้วางนโยบายและแผนการขับเคลื่อนรูปแบบการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน ผ่านกิจกรรม และการดำเนินงานต่าง ๆ มากมาย โดยคิกออฟโครงการ “#กินหมดเกลี้ยงCHALLENGE” พร้อมรณรงค์ผู้บริโภคร่วมขับเคลื่อนและรับประทานอาหารหมด...ไม่เหลือทิ้ง เพื่อลดปัญหาขยะอาหาร ตั้งแต่ปลายปี 2564
โดยจัดขึ้นที่ร้านชาบูชิ จำนวนกว่า 160 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมเชิญชวนแฟนๆ ชาบูชิ และนักกิน-ผู้บริโภครักษ์โลก เข้าร่วมโครงการฯ และเป็นส่วนหนึ่งของการลดปริมาณขยะอาหาร อันเป็นต้นเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน
ด้วยวิธีการง่ายๆ โดยผู้ใช้บริการที่สามารถรับประทานอาหารมื้อนั้นๆ หมดและไม่เหลือทิ้ง จะได้รับส่วนลดพิเศษ อี-คูปอง มูลค่า 50 บาท เป็นของขวัญแทนคำขอบคุณจากใจ ชาบูชิ ผ่านแอปพลิเคชัน BevFood สำหรับใช้เป็นส่วนลดในการใช้บริการครั้งถัดไป
พบว่า ตั้งแต่ตุลาคม 2564-กันยายน 2565 มีลูกค้าและผู้ใช้บริการ ชาบูชิ ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการ #กินหมดเกลี้ยงCHALLENGE ราว 362,420 ราย ขณะที่เดือนตุลาคม 2565-กรกฎาคม 2566 มีจำนวนผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มขึ้นอีกราว 195,015 ราย
สำหรับผู้สนใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลดปริมาณขยะอาหาร เพื่อมุ่งสู่สังคมไร้ขยะอาหารอย่างจริงจังไปด้วยกัน กับโครงการดี ๆ อย่าง #กินหมดเกลี้ยง CHALLENGE สามารถไปใช้บริการได้ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ชาบูชิ ทุกสาขาที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2566
หน้า 18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,918 วันที่ 31 สิงหาคม - 2 กันยายน พ.ศ. 2566