ดัชนีค้าปลีกไตรมาส 3 ตกเกณฑ์ สมาคมค้าปลีกชงรัฐเร่งขับเคลื่อนศก.

09 ต.ค. 2566 | 10:27 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ต.ค. 2566 | 10:33 น.

ดัชนีค้าปลีกไตรมาส 3 ต่ำเตี้ย ลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลาง จากปัจจัยลบรอบด้าน สมาคมผู้ค้าปลีกไทยชง 6 ข้อหนุนรัฐเร่งมือหวังขับเคลื่อนเศรษฐกิจฟื้น

นายฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น (Retail Sentiment Index) ของผู้ประกอบการค้าปลีกประจำไตรมาส 3  ปี 2566 พบว่า ลดลงมาที่ 46.4 จุด ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 จุด ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในรอบปี 2566

สาเหตุมาจากปัจจัยเดิมที่รอการเยียวยา ประกอบด้วย กำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ, หนี้ครัวเรือนสูง, ราคาพลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงการท่องเที่ยวที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีก ระยะ 3 เดือนจากนี้ (ต.ค.-ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 12.0 จุด เนื่องจากความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล มาตรการลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำมัน นโยบายวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยวชาวจีนและคาซัคสถาน รวมถึงการโหมโปรโมชั่นของร้านค้าในช่วงไตรมาสสุดท้าย ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในช่วงเทศกาลปลายปีได้ดีขึ้น

“ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ค้าปลีกทั่วประเทศ (Retail Sentiment Index – RSI) ในภาพรวมพบว่า ดัชนี RSI (QoQ) ไตรมาสสาม 2566 เมื่อเทียบกับไตรมาสสอง 2566 “ซบเซา 3 เดือนต่อเนื่อง” โดยลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลางที่ระดับ 50 นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ทั้งดัชนียอดขายสาขาเดิม SSSG (Same Store Sale Growth) QoQ , ยอดใช้จ่ายต่อครั้ง (Spending Per Bill หรือ Per Basket Size) และ ความถี่ในการจับจ่าย (Frequency on Shopping) สะท้อนถึงผู้บริโภคฐานราก กำลังซื้อยังอ่อนแอ โดยลังเลที่จะจับจ่ายและมุ่งเน้นสินค้าที่จำเป็น

เมื่อพิจารณาดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกจำแนกตามประเภทร้านค้าปลีกพบว่า ธุรกิจห้างสรรพสินค้า, แฟชั่น, สุขภาพ-ความงาม, ร้านวัสดุก่อสร้าง-ตกแต่งและซ่อมบำรุง, ร้านไอที เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ ส่วนร้านสะดวกซื้อ, ซูเปอร์มาร์เก็ต มีการชะลอตัวลง และร้านค้าส่ง ไฮเปอร์มาร์เก็ต ภัตตาคาร ร้านอาหาร ยังซบเซา นอกจากนี้เมื่อจำแนกตามภูมิภาคพบว่า กรุงเทพ ปริมณฑล เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ ในขณะที่ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึมลึก ส่วนภูมิภาคอื่นๆชะลอตัว”

ดัชนีค้าปลีกไตรมาส 3 ตกเกณฑ์ สมาคมค้าปลีกชงรัฐเร่งขับเคลื่อนศก.

ทั้งนี้สมาคม จึงเห็นด้วยกับภาครัฐเกี่ยวกับนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน ซึ่งมาตรการลดค่าไฟและน้ำมัน มาตรการฟรีวีซ่าจีน และการเพิ่มเที่ยวบินถือว่าเป็นมาตรการที่มาถูกที่ถูกเวลา

โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทยมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่จะช่วยขับเคลื่อนภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศซึ่งเชื่อมโยงกับภาคค้าปลีกและบริการ ประกอบด้วย

1. มาตรการกระตุ้นการจับจ่ายเพื่อจูงใจกลุ่มที่ยังมีกำลังซื้อ โดยการลดหย่อนภาษีประจำปีระหว่างเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม เพื่อไม่ให้เกิดการชะลอการจับจ่าย ในส่วนของนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ขอเสนอให้เพิ่มการหารือร่วมกับภาคเอกชนและสมาคมต่างๆ เพื่อให้การดำเนินนโยบายเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

2. เปิดตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ ด้วยการเร่งเจรจา FTA Thai-EU ให้เร็วที่สุด และสนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกเขตเสรีการค้าอื่นเพิ่มเติม เช่น BRICS เป็นต้น เพื่อให้เกิดการลงทุนและเกิดการจ้างงานอย่างต่อเนื่อง

3. แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานภาคค้าปลีก-บริการ ด้วยการเพิ่มการจ้างงานให้หลากรูปแบบและพัฒนาทักษะแรงงาน เช่น การจ้างงานอิสระ การจ้างงานประจำรายชั่วโมง โดยคำนึงถึงอุปสงค์และอุปทานในตลาดแรงงานเป็นหลักและไม่จำกัดสิทธิเฉพาะสัญชาติ รวมถึงการกำหนดค่าจ้างตามระดับคุณวุฒิวิชาชีพที่สอดคล้องกับระดับสมรรถนะตามมาตรฐานอาชีพของสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) เพื่อเพิ่มผลิตผลต่อแรงงานแทนการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ

4. ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SME สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ มากกว่าการพักชำระหนี้เพียงอย่างเดียว

5. สร้างความแข็งแกร่งให้กับซอฟต์เพาเวอร์ไทยด้วยการสนับสนุนสินค้าไทยผ่านการจัดตั้งโครงการ Thailand Brand เพื่อเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าของ SME ไทย ปีละ 2 ครั้ง ในทุกช่องทางของร้านค้าทั้งส่วนกลางและภูมิภาคเพื่อเพิ่มการจับจ่ายโดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเริ่มต้นเร่งด่วนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้

ดัชนีค้าปลีกไตรมาส 3 ตกเกณฑ์ สมาคมค้าปลีกชงรัฐเร่งขับเคลื่อนศก.

6. สนับสนุนให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษด้านการค้าเต็มรูปแบบ ทั้งด้านไลฟ์สไตล์, กีฬา, เอ็นเตอร์เทนเมนท์ และช้อปปิ้ง

สำหรับผลสำรวจ “ประเด็นเกี่ยวกับธุรกิจค้าปลีก” ของผู้ประกอบการ ระหว่างเดือนกรกฎาคม - เดือนกันยายน 2566 พบว่า

1. ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับขึ้นราคาสินค้าของผู้ประกอบการ

ร้อยละ 80  ต้นทุนสูงขึ้น

ร้อยละ 37  ราคาสินค้าและบริการอื่นที่ไม่ใช่ต้นทุนปรับสูงขึ้น

ร้อยละ 23  รักษากำไร

ร้อยละ 20  คู่แข่งปรับขึ้นราคา และ การส่งผ่านต้นทุนได้ไม่ทั้งหมด

2. สถานะสภาพคล่องธุรกิจ

ร้อยละ 24  มีสภาพคล่องอยู่ได้ 3-6 เดือน

ร้อยละ 26  มีสภาพคล่องอยู่ได้ 6-12 เดือน

ร้อยละ 50  มีสภาพคล่องอยู่ได้ มากกว่า 12 เดือน

3. ปัจจัยสนับสนุนและความเสี่ยงต่อธุรกิจใน 3 เดือนข้างหน้า

3.1 ปัจจัยสนับสนุน

- การทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย

- มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ

3.2 ปัจจัยเสี่ยง

- กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง

- ต้นทุนปรับเพิ่มขึ้น

- การแข่งขันที่สูงขึ้น

“เชื่อว่าแม้ภาพรวมค้าปลีกและบริการในปัจจุบันยังอยู่ในช่วงเปราะบาง แต่หากรัฐบาล  เร่งเครื่องฟื้นฟูสุขภาพเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่องและตรงจุด ประกอบกับทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกัน จะสามารถนำพาให้เศรษฐกิจไทยกลับมามีเสถียรภาพที่มั่นคงและเดินหน้าอย่างเข้มแข็งอีกครั้ง โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทยยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่”