บิสโตร เอเชีย (Bistro Asia) เปรียบเสมือนเรือใบลำใหม่ในวงการร้านอาหารของไทยเบฟ แม้จะเพิ่งเปิดตัวได้ไม่กี่ปี แต่ก็สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมแห่งการแข่งขันมาได้อย่างสวยงาม ด้วยพอร์ตโฟลิโอร้านอาหารที่หลากหลาย ทั้งอาหารไทย จีน ฝรั่ง ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ภายใต้การบริหารงานของ “ไพศาล อ่าวสถาพร” มือปั้นร้านอาหารชื่อดังอย่างโออิชิ
นายไพศาล อ่าวสถาพร กรรมการผู้จัดการของบริษัท บิสโตร เอเชีย จำกัด เล่าว่า เทรนด์อาหารทั่วโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยเทรนด์อาหารในปี 2567 ที่น่าจับตามอง ได้แก่ น้ำ เนื่องจากผู้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ประกอบกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่รุนแรงขึ้น เช่น ภาวะโลกร้อนและมลพิษอาจจะทำให้ราคาน้ำปรับสูงขึ้น จากปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการกรองน้ำ หรือเทคโนโลยีการบรรจุน้ำเพิ่มมากขึ้น
เทรนด์ที่น่าจับตามองอีกอย่างคงจะหนีไม่พ้นความนิยมของอาหารรสเผ็ดร้อนที่เพิ่มขึ้น ด้วยกระแสความนิยมของอาหารเอเชียโดยเฉพาะอาหารจีนและอาหารไทย ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติที่เผ็ดร้อนส่งผลให้ได้รับความนิยมทั่วโลก เห็นได้จากร้านอาหารเอเชียที่เปิดสาขาใหม่ในหลายประเทศทั่วโลก
สุดท้ายจะเป็นเทรนด์อาหารของเหลวที่กำลังมาแรงเพราะความสะดวกในการรับประทาน พกพาไปรับประทานได้ทุกที่ อีกทั้งยังสามารถรับประทานได้อย่างรวดเร็วไม่ต้องเสียเวลาในการปรุงหรือจัดเตรียมอาหาร
ส่วนประเทศไทยจะมีเทรนด์ที่น่าจับตามองได้แก่ อาหารสายมู เนื่องจากคนไทยมีความเชื่อเรื่องโชคลาภและความมงคลมาอย่างช้านาน เชื่อว่าอาหารบางชนิดหรือบางเมนูสามารถนำมารับประทานเพื่อเสริมดวงชะตา เสริมโชคลาภ และความมงคลได้ เช่น ผลไม้มงคล อาทิ ทุเรียน มะม่วง ขนุน มะพร้าว เป็นต้น ความเชื่อเหล่านี้ส่งผลให้คนไทยนิยมรับประทานอาหารสายมูกันมากขึ้น อีกทั้งกระแสความนิยมของวัฒนธรรมความเชื่อส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ หันมาจับกระแสนี้ด้วยเช่นกัน
และอาหารเพื่อความงามจะเป็นเทรนด์ที่มาแรงทั้งปี เพราะในปัจจุบันผู้คนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความงามมากขึ้น มองว่าความงามไม่ได้ขึ้นอยู่กับภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมาจากภายในร่างกายด้วย ส่งผลให้ผู้คนหันมารับประทานอาหารที่มีสารอาหารช่วยบำรุงผิวพรรณ เส้นผม และสุขภาพโดยรวมมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการบิสโตร เอเชีย จะนับตั้งแต่ตุลาคมถึงเดือนกันยายนนับเป็น 1 ปี โดยจะประกอบไปด้วย 6 แบรนด์ ได้แก่ บ้านสุริยาศัย, ไฮด์ แอนด์ ซีค แอทธินี, หม่าน ฟู่ หยวน, โซ อาเซียน, สโมสรราชพฤกษ์, ฟู้ด สตรีท
โดยปี 2562 บิสโตร เอเชีย เติบโตดีที่สุดตั้งแต่เปิดมา ต่อมาปี 2563-2564 เกิดโควิดยอดตกที่สุด ซึ่งปี 2565 นายไพศาลเข้ามาบริหารได้ 7 เดือน สามารถเติบโตเทียบเท่าก่อนโควิด ส่วนปี 2566 เติบโตเพิ่มขึ้น 70% โตมากกว่าก่อนโควิดถือว่ายอดขายสูงที่สุดในบิสโตร เอเชีย
ส่วนไตรมาส 1 เติบโตน้อยลงเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจโลก และภัยสงคราม ทำให้เศรษฐกิจโลกตกลง แต่เมื่อเทียบกับปีแล้ว ถือว่าเติบโตมากกว่า 7.4 % ซึ่งจะเห็นได้ว่าบิสโตร เอเชีย ยังคงเติบโตอย่างเนื่องด้วยกลยุทธ์ ดังนี้
ตั้งเป้าหมายปี 2567 เติบโต 6.4 % และขยายสาขาไปที่ต่างประเทศส่วนใหญ่จะเป็นโซนเอเชีย ส่วนในประเทศจะขยาย 6 แบรนด์ที่มีอยู่ให้เพิ่มเป็นสองสาขาทั้งหมด และเป้าหมายระยะยาวขยายสาขาแบรนด์เดิมในพอร์ตโฟลิโอ รวมถึงการสร้างแบรนด์ใหม่ ตลอดจนการแสวงหาโอกาสใหม่จากการซื้อกิจการ หากเล็งเห็นถึงศักยภาพของแบรนด์นั้น ๆ ซึ่งจะนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจร้านอาหารในเครือเพื่อตอบรับผู้บริโภคยุคใหม่ อีกทั้งปรับโครงสร้างธุรกิจ พัฒนาศักยภาพของพนักงานให้มีประสิทธิภาพที่สุด