นายเกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ กลุ่มอำพลฟูดส์ เปิดเผยว่า ในโอกาส ที่กลุ่มอำพลฟูดส์ ก้าวสู่ปีที่ 37 บริษัทยังคงเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย ในปีนี้ว่าจะมีแรงหนุนจากธุรกิจอาหารยังขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ตามภาคการท่องเที่ยวที่มีการเติบโตดี ส่งผลทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องทั้งโรงแรมและร้านอาหาร ธุรกิจให้บริการแบบจัดเลี้ยง หรือ แคทเทอริง เติบโตตาม เป็นผลบวกต่อภาพรวมธุรกิจอาหารและกลุ่มอำพลฟูดส์ในปีนี้
สำหรับแผนขยายธุรกิจปี 2567 ของอำพลฟูดส์ มุ่ง 2 แกนหลัก คือ 1.กลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท ได้แก่ แบรนด์กะทิชาวเกาะ ผลิตภัณฑ์น้ำแกงพร้อมปรุง รอยไทย และเครื่องดื่ม วี-ฟิท และ กู๊ดไรฟ์ (GOOD LIFE) เครื่องปรุงรสเพื่อสุขภาพ 2.การเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า หรือ ดิสทริบิวเตอร์ ร่วมเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีนำสินค้ามาขยายตลาด ได้ทำต่อเนื่องมาร่วม 5 ปีแล้ว และมีแบรนด์สินค้าภายใต้การดูแลกว่า 20 แบรนด์
ไฮไลต์สินค้ากลุ่มอาหาร มุ่งนำนวัตกรรมมาสร้างความแข็งแกร่ง วางแผนเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยง เป็นทางเลือกใหม่สู่ตลาดคนรักสุนัขและแมว ในไตรมาส 4 รับเทรนด์ Pet Humanization หรือ พฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกในครอบครัว นับเป็นครั้งแรกที่ได้มาแตกไลน์อาหารสัตว์เลี้ยงและมีแผนขยายสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มเติมในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ตลาดกะทิแข่งดุฉุดกำไรลด ‘อำพลฟูดส์’กางแผนรุก-แตกไลน์ธุรกิจโลจิสติกส์ https://www.thansettakij.com/business/287777#google_vignette
นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งขยายกลุ่มสินค้าอาหารใหม่ ภายใต้แนวคิดหลัก “สุขภาพดีทุกความอร่อย” มีแบรนด์ใหม่ที่เข้ามาเปิดตลาดได้แก่ “มังกรสมบูรณ์” ได้คัดสรรวัตถุดิบธรรมชาติจากตำราอาหารจีนโบราณสู่ซอสปรุงรสคุณภาพ วางเป็นแบรนด์เรือธงอีกทั้งจะขยายตลาดกลุ่มซอสสำหรับปรุงรส ทั้งซอสผัดกะเพรา ซอสกะปิ ร่วมส่งต่ออาหารไทยให้ทำได้สะดวก อร่อย เป็นการส่งมอบ “ซอฟต์พาวเวอร์อาหารไทยไปทั่วโลก”
รวมถึงสินค้ากลุ่มของหวาน มีผลิตภัณฑ์ใหม่ ไอศกรีมมะพร้าว รังสรรค์น้ำมะพร้าวสู่ไอศกรีมแท่ง พุดดิ้ง โภชนาการ ตรา Nutri-Care จากผลผลิตทางการเกษตรสู่อาหารเสริมโภชนาการสำหรับผู้มีปัญหาด้านการเคี้ยวกลืน รับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นความร่วมมือ ระหว่าง สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล และบริษัท เอส ไอ จี คอมบิบล็อก ชานมไข่มุก รอยไทย เจาะตลาดร้านโชห่วยทั่วประเทศกว่า 3 แสนร้านค้า
ด้านพอร์ตธุรกิจการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า ให้แก่ผู้ประกอบการสินค้าเอสเอ็มอี ซึ่งมีพันธมิตรใหม่เปิดตัวสินค้าเบื้องต้น 4-5 ราย อาทิ ถั่วลิสงอบกรอบ ตราเจดีย์คู่, เมล็ดทานตะวันอบสมุนไพร ตราจังโก้ โดย บริษัท โมเดอร์น ฟู้ด อินดัสตรี้ จำกัด, เจลลี่ เชค กลิ่นผลไม้ ตรา คาเม้ะ คาเม้ะ โดย บริษัท โชติอัครสุชิน จำกัด, ปลากระป๋อง ตรา หยกสยาม โดย บริษัท อาร์.ซี. มารีนไทย จำกัด และ น้ำปลา ตรา หน่อไม้ โดย บริษัท คู่บ้าน คู่ครัว จำกัด
สำหรับ ในประเทศไทยบริษัทมีแผนขยายศูนย์กระจายสินค้ากว่า 10 ศูนย์ จากปัจจุบันมี 80 ศูนย์ รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ “Good Life for You” เตรียมยกระดับบริการด้วย Voice Bot จากที่ผ่านมาสร้างการเติบโตกว่า 30%
ปีนี้บริษัทจัดสรรงบลงทุนรวม 200 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายรายได้รวมปี 2567 ทะยานแตะ 4,200 ล้านบาท เติบโต 15% เทียบปีก่อน สัดส่วนรายได้มาจากสินค้าของบริษัท 60% การเป็นตัวแทนจำหน่าย 40% ประเมินว่าภายใน
2 ปีข้างหน้า รายได้จะมาจากยอดขายของบริษัท 50% และการเป็นตัวแทนจำหน่าย 50% ส่วนตลาดส่งออกขณะนี้มีส่งออกไปแล้วใน 65 ประเทศ และมีแผนขยายตลาดในจีนและตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่ผู้บริโภคต่างมีความชื่นชอบน้ำมะพร้าวและอาหารไทย สามารถต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ในอนาคต
“อำพลฟูดส์ ได้ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ (Rebranding) ครั้งใหญ่ในรอบร่วม 37 ปี เพื่อตอกย้ำบุคลิกทันสมัย ความพร้อมก้าวสู่ธุรกิจใหม่ และเดินหน้าสู่โกลบอล” ทั้งนี้บริษัทจัดทำโรดแมปความยั่งยืน อำพลฟูดส์ Net Zero 2050 ด้วยพันธกิจระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ร่วมสร้างโลกที่น่าอยู่เพื่อทุกคน ล่าสุด ร่วมมือกับ Nex Point ผู้ผลิตและจำหน่ายรถโดยสารเชิงพาณิชย์พลังงานไฟฟ้า อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ ทดลองใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 100% ร่วมขนส่งสินค้า เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการนำมาใช้ในภาคธุรกิจ
โดยวางเป้าหมายปี 2030 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 30% ร่วมจัดการของเสียอย่างยั่งยืน (Zero Waste Management) ภายในปี 2030 เช่นกัน ผลักดันให้ในปี 2040 ก้าวเข้าสู่การเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเดินหน้าสู่การลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ตอกย้ำความเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนของ “อำพลฟูดส์” ที่มุ่งสู่เป็นเลิศด้านนวัตกรรมอาหารไทยสู่ตลาดโลก
หน้า 16 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,964 วันที่ 8 - 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567