บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร เดินหน้าสู่ความยั่งยืน ด้วยงบลงทุน 3,000 ล้านบาท เน้นลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืน ผ่านกลุ่มบริษัทในเครือ นับตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงปี 2573 พร้อมเปิดตัว "ต้นแบบโรงงานสีเขียว" ที่จังหวัดกำแพงเพชร และแพ็คเกจจิ้งใหม่จากพลาสติกเป็นกระดาษ (FSC) ที่สามารถย่อยสลายได้
นาย เค็นจิ ฮะระดะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ต้นแบบโรงงานสีเขียวตอนนี้มีจังหวัดกำแพงเพชรเป็นแห่งแรก และจะขยายไปโรงงานจังหวัดอื่นตามลำดับให้ครบภายในปี 2573 อีกทั้งยังได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง ปุ๋ยชีวภาพ อานินา สำหรับมันสําปะหลังโดยเฉพาะ
ส่วนบรรจุภัณฑ์ใหม่ จากพลาสติกเป็นกระดาษ (FSC) ที่สามารถย่อยสลายได้ สำหรับไซส์ 50 กรัม เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมส่งเสริมสังคม “กินดี มีสุข” เพื่อสอดรับกับนโยบายการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมของอายิโนะโมะโต๊ะด้วย
พร้อมกันนี้ อายิโนะโมะโต๊ะ เปิด 5 แนวทางดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย
1.ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 50%
2. ดูแลรักษาแหล่งน้ำ 80%
3. ลดขยะพลาสติกให้เป็นศูนย์ ด้วยการใช้พลาสติกรีไซเคิล
4. ลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารจากกระบวนการผลิต
5. จัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน จึงเกิดเป็นผลการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรม ได้แก่
นายโคะเฮ อิชิกะวะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ เอฟ ดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเปิดตัวบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ เอฟ ดี กรีน (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็น “บริษัทต้นแบบทางธุรกิจสิ่งแวดล้อม” เพื่อสร้างความยั่งยืนในการจัดการกับ “ผลิตภัณฑ์ร่วม” ที่ได้จากกระบวนการผลิตผงชูรสและพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อประโยชน์ทางการเกษตร
ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของบริษัทมี 11 ผลิตภัณฑ์ แบ่งเป็น 2 หมวดหมู่ ได้แก่ 1) ผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร เช่น กระเทียม เมล็ดกาแฟ 2) ผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตร ประกอบด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับพืช และอาหารสำหรับสัตว์
โดยบริษัทได้ทำการเกษตรอย่างยั่งยืนทุกขั้นตอน มี 2 โครงการหลักได้แก่ โครงการ Thai Farmer Better Life Partner ยกระดับความอยู่ดีมีสุขให้กับเกษตรกรพร้อมสร้างวงจรเชิงบวกอย่างยั่งยืน ทั้งไร่มันสำปะหลัง ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตผงชูรสอายิโนะโมะโต๊ะ ต่อยอดมาสู่ไร่กาแฟ ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตกาแฟเบอร์ดี้
และ โครงการ Green Coffee Bean (GCB) Farmer Sustainability ด้วยการสนับสนุนปุ๋ยเคมีอินทรีย์ที่พัฒนามาจากศาสตร์แห่งกรดอะมิโนให้แก่เกษตรกร เพื่อลดปริมาณการใช้สารเคมีในการเพาะปลูก รวมทั้งช่วยพัฒนาความรู้ ตั้งแต่การปลูกต้นกาแฟ การดูแล ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ โดยตั้งเป้าเติบโตในธุรกิจภาคการเกษตร 2.5 เท่า
รวมถึงพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับแหล่งที่มา (traceability) ของมันสำปะหลังที่เข้าร่วมในโครงการ Thai Farmer Better Life Partner 100% เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมอื่น ๆ ได้สำเร็จภายในปี พ.ศ. 2573”