นางสาวดวงพร สุทธิสมบูรณ์ อุปนายกฝ่ายต่างประเทศ สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่า สำนักพิมพ์ชั้นนำระดับโลกให้ความสำคัญต่อตลาดหนังสือในประเทศไทยอย่างมากโดยได้ร่วมออกบูธในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 52 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 22 จำนวน 9 ประเทศ 11 บริษัท รวม 18 บูธ
อาทิ อังกฤษ ไต้หวัน ญี่ปุ่น จีน ยูเครน ฯลฯ เพื่อนำเสนอหนังสือ,วัฒนธรรม, เทคโนโลยีการพิมพ์ และการเรียนการสอนภาษา เนื่องจากปัจจุบันการออกบูธในลักษณะขายตรงให้กับนักอ่านในงานหนังสือในโลกไม่ค่อยมีแล้ว เพราะส่วนใหญ่เป็นการขายระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ
ขณะเดียวกันยังต้องการดูบรรยากาศและแนวโน้มของตลาดหนังสือไทยที่ยังคงอ่านหนังสือเป็นรูปเล่มต่างจากหลายประเทศทั่วโลก และต้องการศึกษาว่านักอ่านไทยนิยมอ่านหนังสือแนวใดมากที่สุดเพื่อที่จะได้กลับไปวางแผนการผลิตให้ตรงต่อความต้องการและนำกลับมาออกบูธในหนังสือครั้งต่อไป รวมทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้และกระแสของหนังสือระหว่างบูธสำนักพิมพ์ต่างชาติอื่นๆ ที่มาร่วมงานเดียวกันอีกด้วย
“บูธสำนักพิมพ์ต่างประเทศ ในงานนี้ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากทั้งนักอ่านชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะหนังสือสอนภาษา หนังสือภาพนิทานสำหรับเด็กลิขสิทธิ์แท้จากต่างประเทศ และของเล่นเสริมทักษะ เนื่องจากมีราคาถูก และมีหลากหลายประเภทให้เลือกซึ่งบางเล่มหาได้ยากมากในไทย
บูธสำนักพิมพ์จากไต้หวันได้รับความสนใจเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะได้จัดแสดงหนังสือภาพนิทานเด็ก 2 ภาษาไทย-จีน ซึ่งเป็นความร่วมมือจากนักวาดภาพชื่อดังชาวไทย และนักเขียนชาวไต้หวัน ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลไต้หวัน เพื่อนำเสนอวัฒนธรรมไว้ในหนังสือเล่มเดียวกัน โดยหนังสือที่โดดเด่น เช่น หนังสือภาพออกเดินทางไปหาเพื่อนของ ปรีดา ปัญญาจันทร์ และหนังสือภาพวันสนุก ของ ชีวัน วิสาสะ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี พ่อแม่ผู้ปกครองไทย ให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างทักษะด้านภาษาต่างประเทศให้บุตรหลานทำให้บูธสำนักพิมพ์ต่างประเทศในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติฯ ได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะบางเล่มไม่มีขายในไทย และยังมีที่ราคาถูกมากและหาไม่ได้อีกแล้วในงานอื่น”
นอกจากนั้น พบว่าชาวต่างชาติ ทั้งที่เป็นนักเที่ยวและอาศัยในไทย ให้ความสนใจในการเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีนซึ่งเข้ามาเลือกซื้อหนังสือนวนิยายประเภทวาย ผลงานนักเขียนชาวไทย ทั้งหนังสือปกเก่าที่เคยวางจำหน่ายไปแล้วและหนังสือปกใหม่ เนื่องจากได้ติดตามผลงานหนังสือที่เคยนำไปผลิตเป็นซีรีย์ มาก่อน และชื่นชอบเนื้อหา รูปแบบการนำเสนอที่แปลกใหม่น่าสนใจทำให้สนใจหาซื้อหนังสือเพื่ออ่านและสะสมเพิ่มเติมซึ่งเท่ากับเป็นการส่งต่อวัฒนธรรม Soft Power ของไทยที่สำคัญอีกรูปแบบหนึ่ง
ด้านนาย Sanjee De Silva เจ้าของบูธ BANGZOLL Books จากประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ให้ความสนใจต่อตลาดหนังสือไทยเพราะเป็นแนวโน้มการเติบโตที่ดี ในขณะที่นักอ่านชาวไทยยังคงนิยมหนังสือรูปเล่มต่างจากตลาดประเทศอื่นๆ ซึ่งหันไปสนใจการอ่านหนังสือผ่าน E-Books มากกว่า รวมทั้งยังเป็นโอกาสที่จะเข้ามาศึกษาวัฒนธรรมการอ่านหนังสือของคนไทยเพื่อที่จะได้นำไปวางแผนผลิตหนังสือต่อไป นอกจากนั้นจะได้เข้าร่วมกิจกรรม Bangkok Rights Fair เพื่อเจรจาซื้อขายแลกเปลี่ยนลิขสิทธิ์หนังสืออีกด้วย
“ครั้งแรกที่มาร่วมงานหนังสือในไทยซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีมากเพราะคนไทยยังคงอ่านหนังสือเป็นรูปเล่ม พ่อแม่ผู้ปกครองมีความสนใจที่จะซื้อหนังสือภาษาต่างประเทศไปอ่านมากกว่าประเทศอื่นๆ ที่เคยไปร่วมงาน เรียกได้ว่ากระแสตอบรับที่ดีมาก ขณะที่ตลาดหนังสือไทยเป็นตลาดที่ใหญ่มากและมีทิศทางการเติบโตที่ดี โดยในปีหน้าก็จะกลับมาร่วมออกบูธอีก”
ทั้งนี้ พบว่าบูธสำนักพิมพ์ทุกแห่งภายในงานแข่งขันการทำโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมสูงสุดถึง 80% พร้อมนำไอเทมสุดพิเศษซึ่งจัดทำเฉพาะในงานนี้เท่านั้นนำมาจูงใจนักอ่านและนักสะสมในรูปแบบที่ไม่ซ้ำกันวันต่อวัน นอกจากนั้นยังมีหนังสือราคาเล่มละ 10 บาท และหนังสือหายากหลายหลายประเภทควรค่าแก่สะสมนำมาเสนอขายในงานนี้
ขณะที่ไปรษณีย์ไทย เปิดให้บริการส่งหนังสือด้วยมาตรฐาน EMS ภายในประเทศในราคาพิเศษเหมาเหมาเต็มกล่องโดยไม่ต้องชั่งน้ำหนัก เริ่มต้นที่ 50 บาท ด้าน LINEMAN ให้ส่วนลด 50 บาทเมื่อใช้บริการ LINE MAN Ecoโดยใส่โค้ด BOOKFAIRECO และบริการ LINE MAN Bike รับส่วนลด 30 บาทโดยใส่โค้ด BOOKFAIRBIKE เฉพาะบริการไป-กลับ ในเขตคลองเตยเท่านั้น