KEY
POINTS
การเข้ามาลงทุนบิ๊กโปรเจ็กต์ในอุตสาหกรรมค้าปลีกในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เริ่มส่งสัญญาณบวกต่อภาคธุรกิจ เมื่อภาพความสำเร็จเริ่มก่อตัวและเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่อย่าง การเข้ามาลงทุนบิ๊กโปรเจ็กต์ในอุตสาหกรรมค้าปลีกในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เริ่มส่งสัญญาณบวกต่อภาคธุรกิจ เมื่อภาพความสำเร็จเริ่มก่อตัวและเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจน
โดยเฉพาะเมื่อ 2 ยักษ์ใหญ่อย่าง “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” โครงการยักษ์ที่เซ็นทรัลพัฒนาจับมือกับกลุ่มดุสิตธานี เนรมิตที่ดินหัวถนนสีลมเป็นมิกซ์ยูสมูลค่ากว่า 4.6 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย “Dusit Thani Bangkok” โรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่,The Residences at Dusit Central Park โครงการที่อยู่อาศัยระดับอัตราลักซ์ชัวรี, Central Park Retail ศูนย์การค้าแห่งใหม่ และ Central Park Offices ตึกออฟฟิศของคนเมืองที่เต็มไปด้วยสีสัน และนวัตกรรมที่ทันสมัย ซึ่งจะเปิดให้บริการเฟสแรกในส่วนของโรงแรมเดือนกันยายนนี้ สร้างแรงกระเพื่อม ปลุกให้ยักษ์ค้าปลีกใจกลางเมืองคึกคักขึ้นทันตา
อีกโปรเจ็กต์คือ “วัน แบงค็อก” โดยกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ มิกซ์ยูสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มูลค่าโครงการกว่า 1.2 แสนล้านบาท บนที่ดิน 108 ไร่ บนหัวมุมถนนวิทยุ ตัดพระราม 4 เตรียมพลิกโฉมประวัติศาสตร์วงการอสังหาริมทรัพย์ไทย มุ่งสู่การเป็น “The New Influential Global City” ซึ่งประกอบด้วย อาคารสำนักงานแบบพรีเมียม จำนวน 5 อาคาร โรงแรมระดับลักชัวรีและไลฟ์สไตล์ 5 แห่ง อาคารที่พักอาศัยระดับลักชัวรีอีกจำนวน 3 อาคาร ซึ่งองค์ประกอบสำคัญที่จะเป็นหัวใจหลัก และเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับโครงการฯ คือ One Bangkok Retail บนพื้นที่เช่าสุทธิรวมกว่า 1.6 แสนตร.ม. พร้อมเปิดเฟสแรกในส่วนของรีเทลในเดือนตุลาคมนี้ สร้างแรงกระเพื่อม ปลุกให้ยักษ์ค้าปลีกใจกลางเมืองคึกคักขึ้นทันตา
ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มงบกว่า 4,000 ล้านบาท ในการพลิกโฉม “ห้างเซ็นทรัล ชิดลม” ให้เป็น “The Store of Bangkok” ดึงลูกค้า Gen Y - Gen Z นำร่องเปิดโซนบิวตี้-แฟชั่นโดยเริ่มเปิดโฉมใหม่เฟสแรกในเดือนเมษายนนี้ ก่อนแล้วเสร็จทั้งหมดในเดือนธันวาคมนี้
โดยนางณัฐธีรา บุญศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า การพลิกโฉมห้างเซ็นทรัล ชิดลมครั้งนี้เพื่อเดินหน้าสู่การเป็นห้างสรรพสินค้าที่มุ่งมอบประสบการณ์ช้อปแบบ “One-Stop-Shopping” ที่ลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับสินค้าหลากหลายแบรนด์ในทุกหมวดหมู่ได้ครบในที่เดียว โดยห้างเซ็นทรัลชิดลม มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อกลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เพราะเป็นห้างแฟลกชิปมาตั้งแต่ปี 2517 ซึ่งไม่เพียงมีทำเลเชิงกลยุทธ์ใจกลางเมืองที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นห้างสรรพสินค้าในรูปแบบ “One-Stop-Shopping” แห่งแรกของประเทศไทย
“นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ห้างเซ็นทรัล ชิดลมจะก้าวขึ้นสู่การเป็นห้างสรรพสินค้าลักชัวรี ด้วยการออกแบบและรังสรรค์พื้นที่ที่มุ่งมอบประสบการณ์ใหม่ แบรนด์และสินค้าที่ผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน การบริการที่ได้รับการยกระดับสู่ระดับเวิลด์คลาส ทั้งนี้ห้างเซ็นทรัลชิดลม มีการพัฒนาและก้าวตามการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยครั้งนี้มีความพิเศษยิ่งกว่า เพราะไม่เพียงเป็นการรีโนเวทเพื่อปรับภาพลักษณ์ที่ลูกค้าเห็นเท่านั้น แต่เรากำลังเดินหน้าสู่การเป็น The Store of Bangkok ห้างสรรพสินค้าลักชัวรีที่มอบประสบการณ์ช้อปแบบ “One-Stop-Shopping” ในระดับเวิลด์คลาส และเป็นห้างสรรพสินค้าอันดับหนึ่งในใจของลูกค้าคนสำคัญของเราตลอดไป”
ขณะที่ “ชาญ ศรีวิกรม์” ประธานบริหาร เกษร พร็อพเพอร์ตี้ และบริษัทในเครือเกษร กรุ๊ป กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ย่านราชประสงค์เป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ที่รวบรวมทุกองค์ประกอบ ทั้งอาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ โรงแรม ที่พักอาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบ รวมไปถึงพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะที่เชื่อมโยงถึงกันทั้งหมด 3 อาคารสามารถเดินถึงกันได้ เกษรฯจึงทุ่มงบ 1,000 ล้านบาทพลิกโฉม “เกษร พลาซ่า” สู่ “เกษรอัมรินทร์” ลุคใหม่ จิ๊กซอว์ที่จะมาเติมเต็มให้ย่านราชประสงค์ สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ด้วยคอนเซปต์ “Live your own Legacy” ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
“เกษรอัมรินทร์ จะช่วยผลักดันย่านราชประสงค์ หนึ่งในย่านเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพมหานคร ให้กลายเป็นศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เป็นการเพิ่มทางเลือกและประสบการณ์ชีวิตที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ทุกคนได้มาใช้ชีวิตในแบบที่ไม่ซ้ำใคร”
ด้านนางสาวศลิษา นภาธร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ธนิยะ กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทเริ่มรีโนเวทศูนย์การค้าธนิยะเมื่อปลายปี 2566 หลังจากที่พบว่าในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีโครงการค้าปลีกใหม่ๆ เกิดขึ้นบนถนนสีลม รวมถึงการเปิดศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในหัวถนนสีลม ซึ่งเป็นผลดีต่อศูนย์การค้าธนิยะในระยะยาว เพราะจะทำให้เกิดความคึกคักในย่านสีลมมากขึ้น โดยศูนย์การค้าธนิยะโฉมใหม่ จะมุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ มีพื้นที่ค้าปลีก 2 อาคาร อาคารละ 4 ชั้น รวมพื้นที่เช่าทั้งหมด 1.2 หมื่นตร.ม. มุ่งนำเสนอสินค้าเฉพาะเช่นเป็นศูนย์รวมร้านอุปกรณ์และสินค้าไลฟ์สไตล์ เช่น กอล์ฟ, กีฬากลางแจ้ง เป็นต้น
“เป้าหมายคือการมีภาพลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ รูปโฉมของร้านค้าภายในศูนย์การค้าก็ปรับให้เข้ากับเทรนด์และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อกับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น สอดรับกับดีมานด์ตลาดกอล์ฟที่เติบโตขึ้นทั้งในไทยและต่างประเทศทั่วโลกโดยเฉพาะในเอเชีย และยังมีความเป็น Authentic Japanese Lifestyle แหล่งรวมร้านอาหาร ร้านค้าของสะสม และงานอดิเรกต่างๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์อันโดดเด่นของธนิยะด้วย”
ขณะที่ “สยามพารากอน” ที่ประกาศแผนรีโนเวทตั้งแต่ปลายปี 2565 ซึ่งจะใช้งบลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท ในการทรานสฟอร์มครั้งใหญ่ ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 18 เดือน โดยทยอยรีโนเวทในแต่ละโซน พร้อมกับยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ด้วยเป้าหมายการตอกย้ำให้สยามพารากอนเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญระดับโลก (Global Landmark Destination) ที่มีผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกมาเยือนมากที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งจะดำเนินการเสร็จสมบูรณ์พร้อมเผยโฉมใหม่ในกลางปี 2567 โดยมีแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เข้ามาเติมเต็มและสร้างแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติด้วย
ชั่วโมงนี้คงต้องจับตาอุณหภูมิการแข่งขันห้างค้าปลีกใจกลางเมืองว่าจะร้อนกว่า อุณหภูมิของอากาศเมืองไทยหรือไม่
หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,985 วันที่ 21 - 24 เมษายน พ.ศ. 2567