เอ็ม บี เค หนุน BCG ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ครบทุกธุรกิจภายใน ปี 68

21 เม.ย. 2567 | 07:40 น.
อัปเดตล่าสุด :21 เม.ย. 2567 | 08:06 น.

เอ็ม บี เค เดินหน้าติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป 7.987 เมกะวัตต์ หนุนยุทธศาสตร์ BCG มุ่งสู่ธุรกิจยุคใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าติดตั้งครบทุกธุรกิจภายในปี 68

บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) พัฒนาธุรกิจในเครือ เอ็ม บี เค แบรนด์เก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองไทยมากว่า 40 ปี ให้เป็นกลุ่มธุรกิจยุคใหม่ที่ตอบแทนสังคม ภายใต้แนวคิดองค์กรสีเขียว (Green Organization)  หรือองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะหลังไทยประกาศยกระดับการลดภาวะก๊าซเรือนกระจก หรือการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 หรือพ.ศ. 2608 

เอ็ม บี เค หนุน BCG ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ครบทุกธุรกิจภายใน ปี 68

นายวิจักษณ์ ประดิษฐวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้อำนวยการ กล่าวว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์  ถูกนำมาบริหารจัดการใช้ทรัพยากรด้านพลังงานให้คุ้มค่าตามนโยบายการพัฒนาความยั่งยืน นโยบายการจัดการพลังงานที่ยั่งยืน และนโยบายการจัดการสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จัดสรรการใช้ทรัพยากรน้ำ  พลังงานไฟฟ้า ลดขยะมลพิษและของเสียจากห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ ตามมาตรฐานระบบการจัดการพลังงาน ISO 50001:2018 อย่างต่อเนื่อง  

กลุ่มธุรกิจเอ็ม บี เค ได้นำนวัตกรรมการผลิตพลังงานไฟฟ้าทดแทนด้วยระบบ โซลาร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop)  ระบบผลิตไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในอาคาร  ช่วยลดค่าไฟฟ้ารายเดือนของแต่ละอาคารมาติดตั้งในพื้นที่ธุรกิจอย่างจริงจัง สอดคล้องกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ต่างเล็งเห็นความสำคัญของพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานจากธรรมชาติก่อนถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าที่สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้  จึงหันมาส่งเสริมการติดตั้งแผงโซลาร์ (Solar Cell) เพื่อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น

เอ็ม บี เค หนุน BCG ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ครบทุกธุรกิจภายใน ปี 68

ทั้งนี้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์นับเป็นพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ใช้แล้วไม่หมดและยังเป็นพลังงานสะอาด ไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นหลายประเทศจึงกำหนดนโยบายการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการใช้พลังงานจากฟอสซิลลง 

จากจุดเริ่มต้นปี 2563 ถึงปัจจุบันธุรกิจในเครือ เอ็ม บี เค มุ่งเน้นการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ  สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (SDG) (เป้าหมายที่ 13 การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) ประกอบกับการที่ปัจจุบันภาครัฐได้เริ่มเข้ามาสนับสนุนเรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน (BCG)

ทั้งนี้ เอ็ม บี เค ตั้งเป้าการติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป (Solar  Rooftop) ในธุรกิจต่าง ๆ ของเครือฯ ให้แล้วเสร็จภายในปี 2568  โดยคำนึงถึงมาตรการควบคุมการใช้พลังงานตามนโยบายการอนุรักษ์พลังงานโดยเริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2563  ที่ศูนย์การค้าพาราไดซ์ เพลส 

ต่อด้วย ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์  ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9  โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส โรงแรมดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ท โรงแรมทินิดี ไฮด์อเวย์ ต้นไทร บีช กระบีช 

และพื้นที่ในโครงการริเวอร์เดล  ดิสทริคได้แก่ ศูนย์การค้าเดอะไนน์ เซ็นเตอร์ ติวานนท์ สนามกอล์ฟ ริเวอร์เดล กอล์ฟ คลับ  สนามกอล์ฟ บางกอก กอล์ฟ คลับ  และโรงแรมทินิดี โฮเต็ล บางกอก กอล์ฟ คลับ  บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์)  จำกัด  มีการขยายพื้นที่ติดตั้งรวม ประมาณ 7.987 เมกะวัตต์สูงสุด (MWp) ในพื้นที่ธุรกิจอย่างจริงจัง

เอ็ม บี เค หนุน BCG ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ครบทุกธุรกิจภายใน ปี 68  

โดยปีที่ผ่านมาดำเนินการจ่ายไฟเข้าระบบแล้วจำนวน 3,833 kwp. (Kilowatt Peak) และปี 2567 ตั้งเป้าหมายที่จะจ่ายไฟเข้าระบบเพิ่ม 3,684 kwp. (Kilowatt Peak) ขณะเดียวกันศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค สนามกอล์ฟ เรด เมาท์เทิน กอล์ฟ คลับ สนามกอล์ฟ ล็อค ปาล์ม กอล์ฟ คลับ  กำลังอยู่ในระหว่างดำเนินการติดตั้ง ซึ่งคาดว่าน่าจะเสร็จในปี 2567