นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า เศรษฐกิจประเทศไทยตอนนี้มีแนวโน้มการเติบโตต่ำ ประชาชนรู้สึกอึดอัด แม้ไม่ได้อยู่ในภาวะที่ไม่พอกิน ไม่ถึงขั้นอยู่ในวิกฤติ แต่ก็สู้จีดีพีประเทศเพื่อนบ้านรอบตัวไม่ได้ เพราะจีดีพีประเทศไทยขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ประเทศ เวียดนาม อินโดเนเซีย และมาเลเซีย ขยับขึ้นสูงมากกว่า ซึ่งประเทศไทยอาจะอยู่ในสถานการณ์ที่ดีในหลายด้าน แต่กำลังซื้อของประชาชนทั่วไปยังน้อย
ฉะนั้น เศรษฐกิจไทยในปี 2567 ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ถ้าใครปรับปรุงได้ก็จะเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลง ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยถือว่าเป็นคนขยันใช้ได้ ภาษาอังกฤษก็เก่งตอนไปคุยกับต่างชาติ ยิ่งตอนถ่ายรูปถือว่าได้เปรียบประเทศอื่นมาก และถ้าประเทศไทยรู้จักเปลี่ยนแปลง มีคนหัวไว จะเป็นโอกาสในการขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจดีได้ แต่จะช้าหรือเร็วต้องดูด้วยว่าขับเคลื่อนได้ตรงจุดหรือไม่
"ต้องบอกว่าสภาพเศรษฐกิจไทยในตอนนี้เป็นเศรษฐกิจหาเสียง ไม่ใช่สภาพเศรษฐกิจในความเป็นจริงในระยะยาว ไม่มีการลงทุนโปรเจกต์ขนาดใหญ่ แต่การกระตุ้นเศรษฐกิจก็มีอยู่หลายวิธี"
นายบุณยสิทธิ์ กล่าวว่า หากคนไทยรู้จักการปรับตัว รู้จักผลิตสินค้าส่งออกไปต่างประเทศที่ตลาดเปิดกว้างและผลิตสินค้ามีมูลค่าสูง เศรษฐกิจไทยก็จะไปได้ ที่สำคัญอีกส่วนคือต้องทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย จะช่วยผลักดันจีดีพีได้มากขึ้น
ส่วนเรื่องการปรับค่าแรงขึ้นขั้นต่ำ 400 บาท ก็ไม่ใช่ตัวชี้วัด เพราะคนไทยส่วนใหญ่ค่าแรงเกินกว่าที่กำหนดไว้อยู่แล้ว คนที่ได้ผลประโยชน์คือแรงงานต่างชาติ เช่น แรงงานก่อสร้าง
การขึ้นค่าแรงอาจเป็นตัวส่งเสริมให้แรงงานต่างชาติเข้ามาเมืองไทยมากขึ้น แล้วเกิดปัญหาตามมาอีกมาก ในขณะที่คนไทยจะไม่ได้ประโยชน์มากนัก และถ้าค่าแรงขึ้นสินค้าต่างๆ รวมถึงต้นทุนก็ขึ้นด้วย ก็อยากให้ภาครัฐคำนึงถึงผลประโยชน์ที่คนไทยจะได้รับด้วย