สหกรุ๊ปแฟร์ ครั้งที่ 28 เปิดให้ช้อปแล้ว ต้อนรับนักช้อปในคอนเซปต์ Fair & Fest ปรับโฉมใหม่หมด เนรมิตให้เป็นทั้งแฟร์และเฟสติวัลในงานเดียว โดยยกทัพสินค้ากว่า 1,000 รายการ มาให้ช้อปท่ามกลางกิจกรรมและบรรยากาศความสนุกสุดฟินตลอด 4 วัน
จัดเต็มกับนวัตกรรม สินค้าใหม่ กิจกรรมพิเศษ แฟชั่นโชว์ การประกวด การสัมมนา และเป็นงานครั้งประวัติศาสตร์ของเครือสหพัฒน์ที่จะประกาศทิศทางธุรกิจโดยร่วมทุนกับพันธมิตรจากจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และไทย บุกธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต
นายธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานจัดงาน "สหกรุ๊ปแฟร์" ครั้งที่ 28 กล่าวว่า สหแฟร์กรุ๊ปในปีนี้มีการปรับเปลี่ยนจากปีก่อน เพื่อให้มีความสนุกสนานในการเลือกซื้อสินค้านวัตกรรม รวมถึงสินค้าโปรโมชั่นอีกมากมาย ถือเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อช่วงกลางปี หลังจากที่ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจกำลังซื้อที่หดตัวลง คาดการณ์ว่าครึ่งปีหลังอาจจะซบเซาลงกว่าเดิม กลุ่มสินค้าประเภทแฟชั่นอาจจะหดตัวลงกว่า 30%
สำหรับงาน "สหกรุ๊ปแฟร์" มีขึ้นระหว่าง วันที่ 27-30 มิถุนายน 2567 ณ ไบเทค บางนา โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือ พื้นที่จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ นำสินค้าแบรนด์ดังในเครือสหพัฒน์มาจัดโปรโมชันเพื่อลดค่าใช้จ่ายของประชาชน รวมกว่า 1,000 คูหา กว่า 100 บริษัท อาทิ อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ในบ้าน ชุดชั้นใน หน้ากากอนามัย ชุดออกกำลังกาย รองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา เครื่องสำอาง เครื่องกีฬา สินค้าสุขภาพ เครื่องเขียน ของใช้สำหรับเด็ก
พื้นที่จัดแสดงสินค้านวัตกรรม มีนวัตกรรมจากบริษัทในเครือสหพัฒน์มาเปิดตัว และจัดแสดงสินค้าจากพันธมิตรของเครือสหพัฒน์ และ พื้นที่จัดกิจกรรมพิเศษ โดยมีกิจกรรม ประกวด สัมมนา และเวิร์กช็อปให้ความรู้มากมาย
ไฮไลต์ของงานปีนี้ คือ การรวมงานจำหน่ายสินค้าเข้ากับกิจกรรมความบันเทิง ซึ่งผู้ชมงานจะได้เต็มอิ่มไปกับกิจกรรมความบันเทิงที่จัดขึ้นทั่วพื้นที่ของการจัดงาน ซึ่งจะสร้างสีสัน และทำให้การช้อปสินค้าสนุกเพลิดเพลินกว่าเดิม
“นอกจากการจัดงานที่มีความสนุกมากขึ้นแล้ว งานสหกรุ๊ปแฟร์ปีนี้ยังถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของเครือสหพัฒน์ ที่จะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจและการลงนามความร่วมมือกับพันธมิตรจากประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน รวม 18 ฉบับ ซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวด้านการลงทุนครั้งใหญ่และยังเป็นการประกาศทิศทางของเครือสหพัฒน์ที่จะมุ่งไปในอนาคต ในกลุ่มธุรกิจไบโอเทค บริการ ความรู้ แพลตฟอร์ม อสังหาริมทรัพย์ และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม” นายธรรมรัตน์ กล่าว
สำหรับการลงนามบันทึกความเข้าใจ และการลงนามความร่วมมือ ทั้ง 18 ฉบับ ประกอบด้วย
ธุรกิจไบโอเทค 1 ฉบับ ได้แก่ ความร่วมมือกับบริษัท QUARKBIO ผู้เชี่ยวชาญเรื่องPrecision Healthcare Solution เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Precision Healthcare
ธุรกิจบริการ 4 ฉบับ ได้แก่ 1. ความร่วมมือกับ สกายไดร์ฟ เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจอากาศยานไร้คนขับ 2. ความร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อดำเนินโครงการศูนย์พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร 3. ความร่วมมือกับ ฟาสต์ บิวตี้ ธุรกิจร้านทำสีผมอันดับ 1 จากญี่ปุ่น เพื่อเปิดร้านทำสีผม fufu ในประเทศไทย 4. ความร่วมมือกับธนาคารไอซีบีซี เพื่อสนับสนุนและขยายโอกาสทางธุรกิจระหว่างกัน
ธุรกิจความรู้ 4 ฉบับ ได้แก่ 1. ความร่วมมือกับ 5 สถาบันการศึกษา ได้แก่ พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พระจอมเกล้าพระนครเหนือ เกษตรศาสตร์ นิด้า สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร ธรรมศาสตร์ เพื่อพัฒนาบุคลากรให้กับอุตสาหกรรมผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ในไทย 2. ความร่วมมือกับ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เพื่อเสริมทักษะการเป็นผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ด้านแฟชั่นให้นักศึกษา 3. ความร่วมมือกับ โรงแรมสยามวิลล่า สุวรรณภูมิ วิทยาลัยมวยไทยศึกษาและการแพทย์แผนไทย วิทยาลัยเทคโนโลยีธุรกิจแฟชั่นนานาชาติ และสมาคมกีฬามวยไทย เพื่อเปิดหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขามวยไทยศึกษา 4. ความร่วมมือทางวิชาการกับ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ และวิทยาลัยเทคโนโลยีธุรกิจแฟชั่นนานาชาติเพื่อจัดการศึกษาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตในการพัฒนากำลังคนทุกช่วงวัย
ธุรกิจแพลตฟอร์ม 4 ฉบับ ได้แก่ 1. ความร่วมมือกับ ลาลาสเตชันส์ ผู้นำธุรกิจไลฟ์คอมเมิร์ซจากเกาหลี เพื่อพัฒนาไลฟ์คอมเมิร์ซแพลตฟอร์มแรกของไทย 2. ความร่วมมือกับ เอตัวล์ ไคโตะ ผู้นำค้าส่งสินค้าจากญี่ปุ่น เพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ของแต่ละฝ่ายขยายสู่ตลาดต่างประเทศ 3. ความร่วมมือกับ เอ็มทีเอส โกลด์ เพื่อผลิตทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 99.99% รองรับระบบดิจิทัล โกลด์ เซฟวิ่ง 4. ความร่วมมือกับ ออร์บิกซ์ เทค เพื่อพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 2 ฉบับ ได้แก่ 1. ความร่วมมือกับ โตคิว คอร์ปอเรชั่น เพื่อก่อตั้ง สห โตคิว พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนต์ เพื่อให้บริการด้านการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ในไทย 2.ความร่วมมือกับโตคิว คอร์เปอเรชั่น และดุสิตธานี เพื่อพัฒนาโครงการคิงสแควร์ เรสซิเดนซ์ และโครงการดุสิต สวีต คิงสแควร์ กรุงเทพฯ
ธุรกิจเพื่อความยั่งยืน 3 ฉบับ ได้แก่ 1. ความร่วมมือกับ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส เพื่อใช้โซลูชัน โกกรีนพลัส ในการขนส่งสินค้าทางอากาศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2. ความร่วมมือกับ เอสซี แกรนด์ เพื่อพัฒนาสินค้าแฟชั่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3. ความร่วมมือกับบี.กริม เพาเวอร์ เพื่อพัฒนาที่จอดรถยนต์ไฟฟ้าที่โครงการคิงสแควร์ เรสซิเดนซ์ และติดตั้งโซล่าร์รูฟที่โครงการคิงสแควร์ คอมมูนิตี้