“แอนิเทค” ตอกย้ำกระแสอาร์ตทอย หมื่นล้าน ทุ่มงบ 10 ล้าน คอลแลปส์ “ซานริโอ”

10 ก.ย. 2567 | 22:05 น.

“แอนิเทค” กับก้าวสำคัญสู่ตลาดต่างประเทศ ชูกระแสอาร์ตทอยที่กำลังลามไปทั่วโลก สานต่อความสำเร็จจาก สนูปี้ สู่ ซานริโอ เจาะกลุ่มลูกค้าไทยและต่างชาติ ผุดแคมเปญ “anitech Sanrio ART N’JOY COLLABORATION” ตั้งเป้ายอดขาย 50 ล้านบาท

คุณโธมัส-พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า นับเป็นก้าวสำคัญของแอนิเทคในการเจาะกระแสและต่อยอดความนิยมอาร์ตทอยที่กำลังเป็นกระแสไปทั่วโลก โดยมูลค่าตลาด   อาร์ตทอยของโลกสูงถึง 8,517.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ซึ่งตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ในทวีปเอเชีย เป็นมูลค่ากว่าครึ่ง จึงเล็งเห็นโอกาสทั้งตลาดในประเทศไทยที่มีศักภาพในการเติบโตอย่างรวดเร็ว กลุ่มผู้ซื้อมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด และมีพฤติกรรมการซื้อแบบสะสมให้ครบทุกเซต แตกต่างจากผู้ซื้อประเทศอื่นๆ ที่ซื้อเพื่อความสนุกสนาน

โดยภาพรวมตลาด Art toy มูลค่าทุนจดทะเบียน 5,692.21 ล้านบาท กลุ่มผลิต 2,909.61 ล้านบาท กลุ่มขาย 2,782.60 ล้านบาท ธุรกิจของเล่นทั้งหมด 1,093 ราย กลุ่มขาย 855 ราย กลุ่มผู้ผลิต 238 ราย ธุรกิจของเล่นขนาดเล็ก 1,024 ราย

“แอนิเทค” ตอกย้ำกระแสอาร์ตทอย หมื่นล้าน ทุ่มงบ 10 ล้าน คอลแลปส์ “ซานริโอ”

นอกจากนี้ยังวางแผนในการเจาะไปยังตลาดต่างประเทศโดยเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสนองนโยบายภาครัฐในการผลักดันให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับจากทั่วโลกอีกด้วย ถือเป็นการลดงบประมาณในการสร้างแบรนด์ ผ่านการโปรโมทแอนิเทคไปยังตลาดต่างประเทศ ด้วยการใช้แบรนด์ระดับโลกอย่าง Sanrio เพื่อเข้าถึงแฟนคลับในทุกช่วงวัยของแต่ละประเทศ

กระแสความนิยมของวงการอาร์ตทอยสามารถสะท้อนถึงการเติบโตของที่จะมารองรับความสนใจจากกลุ่มคนรุ่นใหม่และผู้ใหญ่ หรือ Kidult ( Kid + Adult) ที่หลงใหลในการสะสมอาร์ตทอย ความนิยมนี้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่ในกลุ่มคนรักของเล่นเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์และการตกแต่งบ้าน

 โดยผลิตภัณฑ์ของแอนิเทคจะผสานระหว่างความสนุกและฟังก์ชันการใช้งานไว้อย่างลงตัว ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์สูงกลายเป็นที่ต้องการอย่างมาก ด้วยความเป็นที่ชื่นชอบของ Sanrio Characters ที่มีความหลากหลายและมีความน่ารักเฉพาะตัว การร่วมมือระหว่าง แอนิเทค กับ Sanrio ในการนำตัวละคร Kuromi และ Bad Badtz-Maru มาสร้างสรรค์เป็นคอลเลกชันใหม่

นอกจากจะตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแล้ว ยังเป็นการนำเสนอสินค้าที่โดดเด่นและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค โดยมุ่งหวังการชูจุดขายทั้ง Function และ Emotion ที่จะเติบโตไปยังตลาดต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว มูลค่าตลาด ซานริโอ้ ปี 2566 ผลประกอบการ 22,600 ล้านบาท เติบโตขึ้น 37% จากปีก่อนหน้า

  “แอนิเทค” ตอกย้ำกระแสอาร์ตทอย หมื่นล้าน ทุ่มงบ 10 ล้าน คอลแลปส์ “ซานริโอ”

ความสำเร็จต่อเนื่องของแคมเปญ anitech x PEANUTS คอลเลกชัน Snoopy ส่งผลให้ภาพรวมของบริษัทในครึ่งปีแรกเติบโตขึ้น โดยกลุ่มสินค้า own brand เติบโตขึ้น 20% ทดแทนสินค้าที่เป็นการรับจ้างผลิตที่มีรายได้ลดลง

ขณะที่ช่องทางออนไลน์เติบโตขึ้นมากถึง 1,000% และยังคงมีแนวโน้มโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แอนิเทค จึงเดินหน้าต่อยอดกลยุทธ์ Character Marketing ครองใจผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งเราใช้เวลาในการคัดเลือกตัวการ์ตูนระดับตำนานของ Sanrio ที่มีมากกว่า 400 คาแรกเตอร์ มาเป็นเวลากว่า 2 ปี

จึงออกมาเป็น Kuromi และ Bad Badtz-Maru ที่ยังคงมีความทันสมัยอยู่ตลอดเวลา สามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายที่เป็นแฟนคลับได้ทุกเพศและทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ที่อายุมากถึง 70 ปี”

สินค้าคอลเลกชั่น “anitech Sanrio ART N’JOY COLLABORATION” แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักได้แก่

  • Computer Accessories
  • Home Devices
  • Home Appliances