ภาคเอกชนกังวล “นโยบายบันเทิงครบวงจร” คลุมเครือ จี้รัฐฯ ต้องได้ให้คุ้มเสีย

12 ก.ย. 2567 | 10:52 น.
อัพเดตล่าสุด :12 ก.ย. 2567 | 11:41 น.

นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร ผ่า “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ชี้ รัฐต้องมีความชัดเจน ป้องกันปัญหากระทบต่อสังคม แนะควรปักหมุด “เมืองรอง” เพื่อกระจายความเจริญกระตุ้นการท่องเที่ยวเชิงโครงสร้าง

นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงนโยบายบันเทิงครบวงจร อย่าง “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” ส่วนตัวเห็นชอบถ้าจะเกิดขึ้นเนื่องจากสามารถผลักดัน ชูเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว แต่ต้องมีกฎหมายควบคุมเข้มและชัดเจน

“เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ สามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ในระดับหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญของการนำภาษีใต้ดินขึ้นมาบนดินนั้นคือเรื่องของความชัดเจนของข้อกฎหมายว่าจะนำภาษีนั้นไปใช้ประโยชน์กับประเทศอย่างไร เพื่อให้รัฐฯ สามารถตอบคำถามประชาชนได้ว่า ภาษี นั้นถูกใช้อย่างถูกต้องไม่มีปัญหาเรื่องของการคอรัปชั่น"

ผ่า “เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์” โครงการระดุมทุนแสนล้าน ต้องได้คุ้มให้เสีย

“เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์” โครงการระดุมทุนแสนล้าน เพื่อเป็นสถานที่สำหรับประกอบธุรกิจบันเทิงที่มีองค์ประกอบของธุรกิจหลากหลายประเภทรวมกัน เช่น โรงแรม ศูนย์การประชุม ศูนย์การจัดแสดงสินค้า ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ธนาคาร สวนสนุก สนามกีฬา เป็นต้น

ร่วมกับกาสิโนคาดว่าพื้นที่กาสิโนมีสัดส่วน 10% ของโครงการทั้งหมด โดยมุ่งหวังให้เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ

ร่างกฎหมายฉบับนี้มีสาระสำคัญในการกำหนดให้มีสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจสถานบันเทิงอย่างน้อย 4 ประเภทร่วมกับกาสิโน โดยต้องตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ที่กำหนด และดำเนินการโดยบริษัทที่จดทะเบียนในไทยซึ่งมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท

ซึ่งนายสง่ากล่าวเสริมว่า พื้นที่ในการสสร้างนั้นอยากให้ปักหมุด “เมืองรอง” แทนที่จะเป็นเมืองท่องเที่ยงหลักอย่าง กรุงเทพฯ หรือ ภูเก็ต เนื่องจากนโยบายเน้นเรื่องการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว ดังนั้นต้องกระจายไปยังเมืองที่ไม่ใช่แลนมาร์กหลักเพื่อสร้างความเจริญใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นภายในประเทศ และต้องออกกฎหมายควบคุมให้ชัดเจน

ภาคเอกชนกังวล “นโยบายบันเทิงครบวงจร” คลุมเครือ จี้รัฐฯ ต้องได้ให้คุ้มเสีย

“รัฐฯ ต้องชัดเจนในแง่ของกฎหมายว่าคนไทยเข้าได้ไหม หรือไม่ได้ เนื่องจากคนไทยกว่า 20% ของประเทศถือว่าตi'ตามกลุ่มเป้าหมายนั้นกล่าว อย่างในประเทศเกาหลีนั้น เขาห้ามคนเกาหลีเข้าเด็ดขาด เผื่อป้องการปัญหาทางสังคม อาชญากรรมต่าง ๆ ที่ตามมา”

ประเด็นการเปิดคาสิโนถูกกฎหมายเป็นประเด็นที่สร้างความเห็นแตกต่างในสังคม ทั้งในแง่ของประโยชน์ทางเศรษฐกิจและผลกระทบด้านสังคม รัฐบาลจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนก่อนที่จะตัดสินใจ

ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศต่อปีไม่ต่ำกว่า 30 ล้านคน ซึ่งถ้ามีการเปิดกาสิโนดังกล่าว คาดว่าจะดึงนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 10% สามารถนำครอบครัวมาด้วยเมืองไทยเรามีสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าวันนี้คลาสิโนเสริมได้แต่ไม่ใช่จุดหลัก  นายสง่ากล่าวทิ้งท้าย