นายอนุชิต สรรพอาษา กรรมการผู้จัดการบริษัท ชายสี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ภาพตลาดสตรีทฟู้ดในประเทศไทยมีมูลค่า 300,000 ล้านบาท แต่การเติบโตของตลาดกลับชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะยังไม่ฟื้นตัวขึ้น
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาดสตรีทฟู้ดในขณะนี้คือสถานการณ์เศรษฐกิจหลังโควิด-19 ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ออกมาเตือนว่าประชาชนที่มีรายได้น้อยกำลังเผชิญกับปัญหาสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีหน้า คาดว่าสถานการณ์จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง ผู้คนหันมาประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้น โดยเฉพาะค่าอาหาร ผู้บริโภคเลือกที่จะทำอาหารรับประทานเองที่บ้านแทนที่จะออกไปทานนอกบ้าน แม้ว่าจำนวนครั้งที่ออกไปทานอาหารนอกบ้านอาจลดลง แต่เมื่อออกไปทานก็ยังคงมีการใช้จ่ายในระดับเดิม
โดยมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารอย่างรุนแรง ในช่วงไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา มีร้านอาหารจำนวนมากต้องปิดตัวลงเนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายและการแข่งขันที่สูงขึ้นได้
ปัจจุบันบริษัทมีแบรนด์สตรีทฟู้ดในเครือรวม 7 แบรนด์ ได้แก่ ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว, ชายสี่พลัส, ชายใหญ่ข้าวมันไก่, พันปีบะหมี่เป็ดย่าง, อาลีหมี่ฮาลาล, ไก่หมุนคุณพัน, ลูกชิ้นทอดโอ้มายก๊อด โดยตอนนี้มีเพิ่มเข้ามาอีก 3 แบรนด์ได้แก่ BRIX dessert, ร้านหมูสองชั้นหมูกระทะ และ เสือร้องไห้ รวมทุกแบรนด์ราว 5,000 สาขา
ส่วนแผนธุรกิจส่งท้ายท้ายปีจนถึงปีหน้าบริษัทจะยกระดับแบรนด์ลูกให้มีบทบาทสำคัญมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายให้สัดส่วนรายได้จากแบรนด์ลูกเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากเดิมที่น้อยกว่า 10% นั่นหมายความว่า เราจะได้เห็นแบรนด์ลูกของชายสี่มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากขึ้น รวมถึงการปรับปรุงภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น
ปัจจุบัน พอร์ตโฟลิโอของชายสี่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่แฟรนไชส์ซึ่งถือเป็นรายได้หลักถึง 90% ตามมาด้วยร้านอาหาร 7% และเทรดดิ้ง 3% บริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจแฟรนไชส์ให้มากขึ้นในปีหน้า โดยอาจมีการนำแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพ ซึ่งคาดว่าจะเป็นแบรนด์อาหารไทยที่คุ้นเคย เช่น ร้านยำ หรือร้านอาหารอีสาน ด้วยงบลงทุน 300 ล้านบาท
สำหรับแบรนด์ชายสี่โกลด์ ซึ่งเป็นแบรนด์หลักของบริษัท จะมีการขยายตลาดไปยังช่องทางโมเดิร์นเทรดมากขึ้น โดยจะเน้นผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานและอาหารพร้อมปรุง อาหารแช่แข็ง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของชายสี่ได้ง่ายขึ้น
นายอนุชิต กล่าวต่อว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการของแฟรนไชส์ โดยมีแผนที่จะปรับปรุงมาตรฐานของแฟรนไชส์ทั้งหมดให้มีความสม่ำเสมอ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันทุกสาขา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเป้าหมายรายได้ของบริษัทในปีหน้าอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 10%