“ดิออร์” แบรนด์หรูจากฝรั่งเศส สร้างความอลังการส่งท้ายปี ด้วยการเปิดตัว “Dior Gold House” Concept Store แห่งแรกในไทย บนถนนเพลินจิต ใจกลางกรุงเทพมหานคร ความน่าสนใจ คือการจำลองภายนอกอาคารมาจากร้านสาขาหลักในกรุงปารีส “ดิออร์ โกลด์ เฮาส์” ได้รังสรรค์ขึ้นเพื่อเป็นการยกย่องความรักที่มีต่อธรรมชาติของคริสเตียน ดิออร์ โดยอาคารแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมเลขที่ 30 บนถนนมองแตญ ในกรุงปารีส ซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านดิออร์แห่งแรก
ความโดดเด่นของอาคารสีทองอร่าม ไม่ใช่แค่ดึงดูดสายตาของผู้คนที่ผ่านไปมาเท่านั้น แต่ยังดึงดูดให้หลายอยากเข้าไปเยือน และสัมผัสความหรูหราในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการหลอมรวมหลากวัฒนธรรมต่างขั้วโดยอาศัยไหวพริบพลิกแพลงทักษะ ความชำนาญแขนงต่างๆ
Dior Gold House จึงเป็นเสมือน “อาณาจักรแห่งความฝัน” เสกสรรมนตราสะกดอารมณ์ให้แก่บรรดาผู้มาเยือนตั้งแต่ปฐมบทตระการตาของโครงสร้างด้านหน้าบูติกจำลองแบบสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นของอาคารเลขที่ 30 ถนนมงแตญ ที่ตั้งห้องเสื้อแฟชันตำนานปารีเซียงมานับแต่มงซิเออร์ก่อตั้งแบรนด์ของตนขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1946
ไปจนถึงสวนสวรรค์กลางกรุงอันแสนร่มรื่นด้วยความพรั่งพร้อมของรุกขชาตินานาพรรณ ท่ามกลางประกายทองรองเรือง หนึ่งในเฉดสีตราบนิรันดร์ของ Dior ในงานโมเสกจากความเป็นเลิศเชิงเทคนิคโดยช่างศิลป์ชาวไทย พื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตรคือบทสรุปของการถักทอ และร้อยเรียงกลิ่นอายแห่งความภูมิฐานทางวัฒนธรรมแฟชันชั้นสูงฝรั่งเศส เข้ากับเสน่ห์มรดกอารยศิลป์ของประเทศ ซึ่งมีรากฐานประวัติศาสตร์สูงส่ง และยาวนานแห่งเอเชียอาคเนย์เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน
ภายใน Dior Gold House ครบครันในอาณาจักรแฟชันแห่ง Dior ทั้งเสื้อผ้าสำเร็จรูปตามแนวทางการออกแบบของมาเรีย กราเซีย คิวริ ไปจนถึงเครื่องแต่งกายชายโดยคิม โจนส์ รวมถึงคอลเลกชันเครื่องหนังอย่างรองเท้า, เข็มขัด และกระเป๋า, เครื่องประดับ ตลอดจนของตกแต่งบ้าน และภาชนะประจำโต๊ะอาหารจาก Dior Maison
ที่ถูกตกแต่งด้วยบรรยากาศร่วมสมัย เต็มไปด้วยความวิจิตรบรรจงจากงานตกแต่งประดับประดาด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่, งานไม้ และราฟเฟีย ร่วมกับบรรดาสัญลักษณ์ประจำ House of Dior ตั้งแต่ดวงดาวนำโชคไปจนถึงผ้าพิมพ์ลายจิตรกรรมสีเดี่ยว toile de Jouy (ตวล เดอ ฌูย์) รวมถึงลายพิมพ์แผนที่ปารีสหรือ Plan de Paris (ปลอง เดอ ปารีส์)
พร้อมระลึกถึงความรักที่คริสเตียน ดิออร์มีต่องานศิลปะ Dior Gold House แสดงผลงานสร้างสรรค์จากเก้าศิลปินไทยเจ้าของฝีมือแบบฉบับเฉพาะตัว นับจากก้าวแรกผ่านแมกไม้เขียวขจีของตัวอาคาร ผู้มาเยือนจะพบกับศิลปะจัดวางหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นงานสรรค์สร้างจากรอยเท้าช้างโดยบุญเสริม เปรมธาดา
ตุ๊กตุ๊กจักสานขนาดเท่ารถสามล้อจริงที่เห็นได้บนถนนทุกสายทั่วกรุงเทพมหานคร ผลงานรังสรรค์โดยศรัณย์ เย็นปัญญาจาก “สตูดิโอ 56” (56th Studio) หรือบรรดาประติมากรรม ซึ่งวิชชุลดา ปัณฑรานุวงศ์ออกแบบขึ้นสำหรับใช้ตกแต่งภายใน ขณะเดียวกับที่เก้าอี้เท้าแขนโดยเอกรัตน์ วงษ์จริตครองความโดดเด่นท่ามกลางห้องหนึ่งภายในตัวอาคารบูติก เฟอร์นิเจอร์จากคู่นักออกแบบรัฐ เปลี่ยนสุขและฟิลิปป์ มัวสัน
ซึ่งผลงานแต่ละชิ้นล้วนโดดเด่นเป็นหนึ่ง รวมถึงเซอร์ไพรส์ท้ายสุดโดยสองศิลปินวาสนา และสาวิน สายมาจากแบรนด์ “วาสนา” (Vassana) ร่วมกันรังสรรค์คอลเลกชันกระเป๋าถือ Lady Dior ด้วยหัตถศิลป์สานตอกไม้ไผ่พื้นบ้านไทย เพื่อสะท้อนถึงแนวคิดงานฝีมือ “วัฒนธรรมร่วม” ระหว่างสองขั้วอารยธรรม
ที่นี่ยังมี “Café Dior” ที่เติมเต็มความเพลิดเพลินให้กับทุกประสาทสัมผัสโดยอาศัยความเป็นเลิศทางโภชนศิลป์แบบฉบับฝรั่งเศส ร่วมกับงานออกแบบมิติศิลป์โดยกรกต อารมย์ดี ผู้นำงานจักสานตอกไม้ไผ่รังสรรค์เสน่ห์ธรรมชาติในอาณาจักรพรรณพฤกษา และสัตว์ชีวิตขึ้นแบบสามมิติของมวลดอกไม้, ใบไม้ และวิหคนกน้อยได้อย่างละเมียดละไมดุจมีชีวิต
Dior Gold House จึงเป็นอีกก้าวย่างของ “ดิออร์” ในการรุกผงาด เข้าถึงกลุ่มนักช้อปไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่ต้องการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้าถึงและสัมผัสความเป็นตัวตนของ “ดิออร์” ได้อย่างแท้จริง และยังเป็นการตอบย้ำว่าไทย คือ “ช้อปปิ้ง เดสติเนชั่น” ที่แท้จริง