นางสรัลธร อัศเวศน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ตามที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการบริโภคในประเทศ สนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีให้ใช้ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ และเป็นการกระตุ้นการจับจ่าย
ศูนย์การค้ากลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ ซึ่งประกอบด้วย สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ พร้อมสนับสนุนมาตรการของภาครัฐเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริโภค และการท่องเที่ยวภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ที่สามารถช่วยดึงดูดและกระตุ้นให้ผู้บริโภคจับจ่าย เพราะสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ ส่งผลให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินที่เกิดขึ้นจริงในระบบเศรษฐกิจ
สำหรับโครงการ Easy e-Receipt กำหนดให้ผู้มีเงินได้ ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือผู้ประกอบการทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 โดยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด คือ ให้หักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในประเทศ ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ได้สูงสุด 50,000 บาท ดังนี้
1.1 หักลดหย่อนตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้า หรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยต้องมีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice) แบบเต็มรูปเป็นหลักฐาน หรือผู้ขายสินค้าหรือผู้ให้บริการที่ไม่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยต้องมีใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เป็นหลักฐาน
1.2 หักลดหย่อนได้เพิ่มอีกตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการดังต่อไปนี้ โดยต้องมี e-Tax Invoice แบบเต็มรูป หรือ e-Receipt เป็นหลักฐาน ( ค่าซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้ลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว , ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชนที่ได้จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร , และ ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจเพื่อสังคมที่ได้จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม)
ทั้งนี้ ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามข้อ 1.1 จะเป็นค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามข้อ 1.2 ก็ได้ เพื่อสนับสนุนมาตรการดังกล่าว สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ได้เตรียมแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษ ภายใต้ชื่อ “Easy E-Receipt 2025 ช้อปเพลิน เกินคุ้ม” ระหว่างวันที่ 16 มกราคม – 28 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีรายละเอียด คือ เมื่อช้อปและแสดงใบกำกับภาษีเต็มรูปในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่จัดทำผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt หรือ e-Tax Invoice by Time Stamp ของกรมสรรพากร จากร้านค้าที่เข้าร่วมรายการในแต่ละศูนย์ฯ ครบ 10,000 บาทขึ้นไป โดยสามารถรวบรวมใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้ไม่เกิน 3 ใบ จากร้านค้าภายในศูนย์ฯ เดียวกันและเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด นำมาแลกรับบัตรกำนัล SIAM GIFT CARD มูลค่า 600 บาท โดยแบ่งเป็น สยามพารากอน จำนวน 800 สิทธิ์ , สยามเซ็นเตอร์ 400 สิทธิ์ , และ สยามดิสคัฟเวอรี่ 200 สิทธิ์ ลูกค้าที่สนใจแลกรับสิทธิ์สามารถตรวจสอบจำนวนสิทธิคงเหลือและเงื่อนไขได้ที่เคาน์เตอร์ Information ภายในทั้ง 3 ศูนย์การค้า
นอกจากนี้ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายและสร้างบรรยากาศความคึกคัก มอบความสุขรับปีใหม่ ในระหว่างเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2568 ตลอดทั้งสองเดือน สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ได้เตรียมโปรโมชั่นและกิจกรรมอีเว้นท์อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงเทศกาลและงานสำคัญ อาทิ เทศกาลปีใหม่ งานวันเด็กแห่งชาติ เทศกาลตรุษจีน และเทศกาลวาเลนไทน์ สำหรับปีนี้ได้จัดเตรียมมอบประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้านักช้อปทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเต็มที่โดยกระหน่ำแคมเปญอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงที่มีการจับจ่ายสูงถือเป็นหนึ่งในไฮซีซั่นสำคัญของธุรกิจรีเทลและศูนย์การค้า ตอกย้ำการเป็น Top of Mind เป็นเดสติเนชั่นที่หนึ่งในใจของลูกค้าตลอดกาล
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมสรรพากร เปิดเผยว่า มาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” จะช่วยสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจในภาพรวมขยายตัวได้ตามเป้าหมาย โดยคาดว่าจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 70,000 ล้านบาท