นายเกรียงกานต์ กาญจนะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด กล่าวว่า ในปี 2567 ธุรกิจอีเวนต์และการสร้างสรรค์คอนเทนต์เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถดึงดูดผู้เข้าชมงานระดับโลกอย่าง Hello Kitty และ Snoopy ได้สำเร็จ นอกจากนี้ยังได้จัดงานอีเวนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
จุดเด่นของ Index คือการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร ผสานเทคโนโลยีและความสร้างสรรค์เข้าด้วยกัน ทำให้ได้รับความสนใจจากทั้งผู้ชมชาวไทยและต่างชาติ การร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำจากญี่ปุ่น ทำให้ Index สามารถขยายตลาดไปยังประเทศต่างๆ เช่น เกาหลี และ ญี่ปุ่น ซึ่งได้ติดต่อมาเพื่อขอความร่วมมือในการนำคอนเทนต์ของไทยไปจัดแสดง
ปี 2568 มีแผนขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการใหญ่ที่คาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าชมกว่า 2 หมื่นคน และสร้างรายได้จากการขายบัตรมากกว่า 1 ล้านใบ นอกจากนี้ ยังการพัฒนาอีเวนต์และคอนเทนต์ที่น่าสนใจ เพื่อสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้ในตลาดภายในประเทศ โดยเน้นคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับสังคมและสิ่งแวดล้อม
ธุรกิจอีเวนต์ในประเทศไทยปีนี้มีโอกาสเติบโตสูง โดยมีการลงทุนในงานคอนเสิร์ตและอีเวนต์ใหญ่ๆ ที่จะเสริมสร้างบรรยากาศทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งการเพิ่มผู้เล่นใหม่ในตลาด เช่น One Bangkok ที่จะมาเป็นพันธมิตรสำคัญในการสร้างอีเวนต์ที่ยิ่งใหญ่และต่อยอดธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ธุรกิจของ Index ในปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งตัวเร่งให้กับเศรษฐกิจไทย โดยผ่านการพัฒนาอีเวนต์และคอนเทนต์ที่สามารถดึงดูดผู้คนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรในระดับสากลเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว พร้อมสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก
ล่าสุด Index จับมือกับน้องเนย BUTTERBEAR สร้างบ้านของน้องเนยขึ้นมาที่ชั้น 5 สยามพารากอน ในชื่อว่า "BUTTERY WORLD" ในคอนเซ็ปต์ของบ้านนี้คือ "การเดินทางไปสู่โลกมหัศจรรย์ของน้องเนย" ภายในบ้านมีทั้งหมด 7 ห้อง และสวนดอกไม้ 1 แห่ง แล้วก็มีกิจกรรมพิเศษๆ นอกจากนี้ยังมีของเล่นและของใช้ต่างๆ ที่ออกแบบมาพิเศษสำหรับบ้านน้องเนยแห่งนี้เท่านั้นด้วย
"ที่ผ่านมา Index เคยจัดงานนิทรรศการให้กับตัวการ์ตูนดังๆ มามากแล้ว เช่น สนูปปี้ หรือ Hello Kitty พอดีช่วงนี้ทางทีมงานของน้องเนยก็อยากทำอะไรแบบนี้เหมือนกัน เลยตกลงกันทำบ้านให้น้องเนยขึ้นมา การร่วมมือกับ BUTTERBEAR ครั้งนี้ ทั้งสองบริษัทลงทุนคนละครึ่ง รวมกันราว 40-50 ล้านบาท
เพื่อจัดงานนี้ให้ได้ 6 เดือน จนถึงเดือนมิถุนายนนี้ แต่ถ้าคนชอบงานนี้มาก ก็อาจจะจัดต่อได้อีก คาดว่าจะมีคนมางาน 60,000 คน ทั้งคนไทยและต่างชาติ ทำให้ได้เงินจากงานประมาณ 65 ล้านบาทขึ้นไป และคาดว่าจะได้กำไรประมาณ 20-30% จากเงินที่ลงทุนไป"สำหรับ BUTTERY WORLD ประกอบด้วย
1.ห้องแห่งมิตรภาพ เป็นห้องซึ่งเต็มไปด้วยมิตรภาพของน้องเนย กับ HIPPIEHIPPO BIANCABEAR และ SUNDAEBIRD
2.ห้องแห่งความสุข น้องเนยชอบย่องลงมาแอบกินป็อกโกแลตในตู้เย็นเป็นประจำทุกคืน
3.ห้องแห่งความทรงจำ ความทรงจำถูกรังสรรค์ขึ้นที่ห้องนี้ สถานที่รวบรวมของวิเศษของน้องเนย
4.สวนดอกไม้ของยัยหนู สวนดอกไม้ยักษ์ที่ผลิบานเป็นหน้าน้องเนย
5.ห้องจดชื่อ เพราะยัยหนูตัวแสบไม่ชอบทำการบ้านเลยแผนว่าจะให้มัมหมี พ่อหมีช่วยทำการบ้านและส่งการบ้านกับ TEACHER MAY บนกระดานวิเศษให้
6.ห้องแห่งความฝัน ยัยน้องอยากชวนมัมหมี พ่อหมี มานอนตีพุงและมาแอบพี่เลี้ยงกินขนมก่อนนอนเป็นเพื่อน
7.ห้องสวยสุดในปฐพี เคล็ดลับความสวยน่ารักตามวิถี Beauty Blogger
8.ห้องแห่งความฟิน กิจกรรมที่เติมพลังให้ยัยหนูคือการแช่ตัวในอ่างอาบน้ำที่เต็มไปด้วยอาณาจักรฟองสบู่แสนนุ่มนวล และไอเท็มสุดโปรดของน้องเนยคือ ทิชชู่ scott
นางสาวธนวรรณ วงศ์เจริญรัตน์ ผู้สร้างแบรนด์ Butterbear กล่าวว่า น้องเนยมีค่าต่อแบรนด์มาก ๆ คิดว่าต่อไปน้องเนยจะเป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขที่คนทั่วโลกจะนึกถึงประเทศไทย และมีแผนจะทำขนมของฝากแบรนด์ Butterbear ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เหมือนเวลาไปญี่ปุ่นแล้วต้องซื้อโตเกียวบานาน่ากลับมา นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิดร้านป๊อปอัพสโตร์เพิ่ม โดยเฉพาะที่ประเทศจีนอีก 1-2 แห่งด้วย ปัจจุบันนี้ รายได้หลักของแบรนด์ Butterbear มาจากร้านอาหารมากที่สุด รองลงมาคือสินค้าที่ระลึก และตัวละครน้องเนย ซึ่งทางแบรนด์ยังคงให้ความสำคัญกับร้านอาหารเป็นหลัก และพร้อมที่จะต่อยอดธุรกิจไปพร้อม ๆ กับความนิยมของน้องเนย โดยน้องเนยจะเปิดบ้านให้เข้าชมเป็นกลุ่มแรก วันที่ 24 มกราคมนี้ ในแบบ PREMIER PACKAGE