‘ตระกูลโสภณพนิช’ ทุ่ม 5.5 พันล้าน ผุดโรงแรมหรูกรุงเทพ รุกขยายต่อต่างประเทศ

15 ต.ค. 2565 | 06:55 น.

ซิตี้เรียลตี้ ธุรกิจของตระกูลโสภณพนิช ทุ่ม 5.5 พันล้านบาทผุดโรงแรมใหม่ “ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ” ชูธงแบรนด์ใหม่ “แกรนด์ ชาเทรียม” รุกเซ็กเม้นท์โรงแรมหรูแข่งอินเตอร์เชน มั่นใจหลังโควิดท่องเที่ยวไทยฟื้นเร็ว จ่อขยายลงทุน-รับบริหารโรงแรมต่างประเทศเพิ่มขึ้นใน 5 ปีนี้

ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้ เป็นกลุ่มโรงแรมอิสระชั้นนำ ของบริษัท ซิตี้เรียลตี้ จำกัด บริษัทในเครือของตระกูลโสภณพนิช ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของกิจการ และบริหารโรงแรมและเรสซิเดนซ์ของตัวเอง ภายใต้แบรนด์ “ชาเทรียม” ที่ปัจจุบันมีธุรกิจภายใต้การดำเนินการรวมกว่า 10 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ ญี่ปุ่น และเมียนมา 

ล่าสุดได้ลงทุนอีกกว่า 5,500 ล้านบาท สร้างโรงแรมใหม่ และพัฒนาแบรนด์ใหม่ชาเทรียม แกรนด์เพื่อเจาะเซ็กเม้นต์แบรนด์ลักชัวรี่

 

สาวิตรี รมยะรูป

 

นางสาวิตรี รมยะรูป กรรมการผู้จัดการ ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าซิตี้เรียลตี้ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของตระกูลโสภณพนิช ได้ลงทุนราว 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 5,500 ล้านบาท สร้างโรงแรมใหม่ “ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ” บนพื้นที่เดิมซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ที่อยู่อาศัย ย่านถนนเพชรบุรี (ด้านหลังสยามพารากอน) ที่เราเป็นเจ้าของและบริหารจัดการเมื่อหลาย 10 ปีก่อน

 

โดยพัฒนาเป็นโรงแรมขนาด 582 ห้อง เนื่องจากมองว่า “สยาม” เป็นพื้นที่ที่มี Revenue per available rooms (RevPAR) หรือรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่พัก ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการจองต่อห้องว่าง (อ้างอิงจาก อโกด้า 2022)

 

ทั้งยังได้พัฒนาแบรนด์ “ชาเทรียม แกรนด์” ขึ้นมาที่นี่เป็นที่แรก เนื่องจากมองว่าถึงเวลาแล้วที่ ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้ จะก้าวเข้าสู่ระดับสูงสุดของธุรกิจการบริการโรงแรมและเรซิเดนซ์ จากธุรกิจที่มีอยู่ในระดับบน (upper and upper-upscale) 4-5 ดาว 

 

จึงอยากแยกแบรนด์ชาเทรียม แกรนด์ ให้เป็นโรงแรม Luxury ซึ่งมีการบริการเทียบได้กับแบรนด์ระดับโลกอื่น ๆ เช่น Park Hyatt, Grand Hyatt และ Hyatt Regency เน้นความลักชัวรี นำเสนอบริการระดับสากล หรูหรา และพยายามเชิดชูมรดกไทยผ่านทักษะของช่างฝีมือท้องถิ่นที่มีความสามารถสูงมากมาย เพื่อนำเสนอการตีความที่สดใหม่ของศิลปะ วัฒนธรรม และสุนทรียศาสตร์ของไทย

 

‘ตระกูลโสภณพนิช’  ทุ่ม 5.5 พันล้าน ผุดโรงแรมหรูกรุงเทพ รุกขยายต่อต่างประเทศ

 

เราเชื่อว่า “การบริการที่อบอุ่นแบบไทยแท้” ยังเป็นอันดับหนึ่งครองใจคนทั่วโลก โดยเราได้นำบริการแบบไทย เสน่ห์ของความเป็นไทย มารวมกับมาตรฐานการบริการอื่น ๆ ที่เทียบเท่าสากล ทั้งเทคโนโลยี ความทันสมัย ความสะอาด ปลอดภัย และอื่น ๆ ซึ่งจะแข่งขันกับแบรนด์ทั่วโลกอื่นๆ และดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลงรัก และจดจำแบรนด์ของเราได้อย่างแน่นอน”

 

นางสาวิตรี กล่าวต่อว่า โรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ ได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว หลังจากเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบแล้วในปีนี้  จึงเตรียมผลักดันอย่างเต็มที่ เพื่อเปิดโรงแรมอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 พ.ย.นี้ เพื่อตอบรับกลับมาของนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นนี้ 

 

‘ตระกูลโสภณพนิช’  ทุ่ม 5.5 พันล้าน ผุดโรงแรมหรูกรุงเทพ รุกขยายต่อต่างประเทศ

 

เนื่องจากเห็นศักยภาพการท่องเที่ยวไทยที่แข็งแกร่ง นักเดินทางทั่วโลกยังอยากกลับมาที่ประเทศไทย และจะเห็นได้ว่า หลังโควิดประเทศไทยฟื้นตัวเร็วกว่าที่หลาย ๆ คนคาดการณ์ไว้อีกด้วย

 

โดยตั้งเป้าอัตราการเข้าพักเฉลี่ยที่ 75% ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วนราคาขายห้องพักเปิดตัวอยู่ที่ 15,000 บาทต่อคืน ซึ่งมีจุดเด่นของห้องพักที่ใหญ่มีขนาดตั้งแต่ 46-321 ตรม. และตั้งเป้าหมายว่าโรงแรมชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพฯ จะเพิ่มรายได้ราว 15-20% ให้กับชาเทรียม โฮเทลส์และเรซิเดนซ์

 

‘ตระกูลโสภณพนิช’  ทุ่ม 5.5 พันล้าน ผุดโรงแรมหรูกรุงเทพ รุกขยายต่อต่างประเทศ

 

อีกทั้ง ชาเทรียม แกรนด์ จะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงของ ชาเทรียม ฮอสพิทอลลิตี้ ให้เป็นบริษัทบริหารจัดการโรงแรมอย่างเต็มตัว ปรับขนาดของแบรนด์และการบริการให้ใหญ่และกว้างมากขึ้น เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย และรับกับพฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปหลังการระบาดของโควิด

 

โดยจุดเด่นของแบรนด์ ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ คือ บริการส่วนบุคคล เน้นใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง AI เพื่อยกระดับประสบการณ์ส่วนตัวอย่างลึกซึ้ง บริการอาหาร ซึ่งประกอบไปด้วย 5 ร้านอาหารและเลาจน์ และทำเลที่ตั้งใจกลางเมือง

 

ปัจจุบันเราเป็นเจ้าของและบริหารงานโรงแรมและเรซิเดนซ์เองทั้งหมด เราจะพิสูจน์คอลเลกชันสุดหรูของเราผ่านการเปิดตัวโรงแรมเรือธง ชาเทรียม แกรนด์ กรุงเทพ และมองเห็นการขยายตัวของธุรกิจ ภายใน 5 ปีอย่างแน่นอน

 

โดยยังเป็นเจ้าของและบริหารงานเองในอนาคต ทั้งยังมีแผนการขยายธุรกิจรับบริหารโรงแรมอีกด้วย รวมถึงขยายไปสู่ “จุดหมายปลายทางอื่นทั่วโลก" ซึ่งในอีก 3 ปีข้างหน้า จะมีการเปิดตัวโรงแรมใหม่ 5 แห่ง ทั้งในไทยและต่างประเทศ ในไทยจะเน้นทำเลหัวเมืองที่ไม่ใช่กรุงเทพฯ ขณะที่ต่างประเทศคาดว่าจะเปิดในเวียดนามและอินโดนีเซีย

 

สำหรับธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ จะกลับมาฟื้นตัวดีมาก ๆ อ้างอิงจากการคาดการณ์นักเดินทางที่จะเข้าสู่ประเทศไทยถึง 28 ล้านคนในปี 2566 ซึ่งรวมถึงนักเดินทางตลาดใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา ได้แก่ UAE, ซาอุดิอาระเบีย, เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย, อินเดีย ซึ่งเซ็กเม้นท์นี้ มองหาที่พักกลางใจเมืองเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อทำเลที่ตั้งของเราเช่นกัน ในขณะที่ตลาด MICE, Corporate, Leisure, Medical ล้วนเป็นส่วนที่สำคัญของการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวอีกด้วย

 

‘ตระกูลโสภณพนิช’  ทุ่ม 5.5 พันล้าน ผุดโรงแรมหรูกรุงเทพ รุกขยายต่อต่างประเทศ

 

ขณะที่ในช่วงโควิดที่ผ่านมา เนื่องจากชาเทรียม มีธุรกิจเรสิเด้นท์ด้วย จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะมีผู้เข้าพักเป็นระยะยาว ในส่วนของโรงแรม ได้ปิดให้บริการไปตามมาตรการของภาครัฐ มีการเยียวยาพนักงานด้านต่างๆ มีการทำแพ็คเกจ Staycation และสร้างรายได้คู่ขนานจากร้านอาหารที่ขึ้นชื่อของโรงแรม เพื่อปรับตัวให้อยู่รอด