วันนี้ (วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565) บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น ("AAV") ผู้ถือหุ้นใหญ่ บจ.ไทยแอร์เอเชีย ("TAA") เผยผลประกอบการไตรมาส 3/2565 มีรายได้เติบโตขึ้นแข็งแกร่งจากปริมาณการเดินทางที่สูงขึ้นอย่างชัดเจนในตลาดเส้นทางภายในประเทศที่ยังคงคึกคัก และเส้นทางระหว่างประเทศที่มีโมเมนตัมฟื้นตัวต่อเนื่อง
โดยรายได้รวมอยู่ที่ 4,892 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 76 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้นร้อยละ 969 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเนื่องจากในไตรมาส 3/2564 ไทยแอร์เอเชีย มีการหยุดบินชั่วคราวกว่าครึ่งไตรมาสจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี จากราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูง ค่าบำรุงรักษาอากาศยานสำหรับการนำเครื่องบินกลับมาให้บริการ และค่าเงินบาทที่อ่อนตัวสูงสุดในรอบ 16 ปีที่ 38 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ AAV ยังคงขาดทุน (4,050) ล้านบาท ในไตรมาสนี้
หากไม่รวมผลของการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและกำไรขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์ กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ขาดทุนลดลงเหลือ (601) ล้านบาท ซึ่งฟื้นตัวดีที่สุดในรอบ 7 ไตรมาส พร้อมเพิ่มเครื่องบินปฏิบัติการบินต่อเนื่อง ก้าวสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 ไทยแอร์เอเชีย ขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 2.75 ล้านคน อัตราส่วนขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ร้อยละ 87 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 60 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย TAA ยังรักษาความเป็นผู้นำตลาดภายในประเทศ
ด้วยจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศที่ฟื้นตัวกลับมาร้อยละ 62 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/2562 ("ช่วงก่อนโควิด-19") อัตราความตรงต่อเวลายังคงสูงกว่าร้อยละ 92 พร้อมฝูงบิน 58 ลำ ณ สิ้นสุดไตรมาส โดยเป็นเครื่องบินที่ปฏิบัติการบินอยู่ที่ 35 ลำ
ส่วนเครื่องบินที่ยังไม่ได้ปฏิบัติการบินวางเเผนจะใช้รองรับการเติบโตของการท่องเที่ยวและเส้นทางบินใหม่ในไตรมาสถัดๆ ไป ทั้งนี้ อัตราการใช้งานเครื่องบิน (Aircraft Utilisation) อยู่ที่ 9.9 ชั่วโมง/วัน ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4/2562
แสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการเที่ยวบินที่มีประสิทธิภาพและการฟื้นตัวในทิศทางบวกที่ชัดเจน ในขณะที่มีราคาค่าโดยสารเฉลี่ยอยู่ที่ 1,404 บาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศ
นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชีย เอวิเอชั่น และ บจ. ไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า อุตสาหกรรมการบิน การท่องเที่ยวเเละบริการในประเทศไทยมีโมเมนตัมฟื้นตัวต่อจากไตรมาสที่แล้ว หลังประเทศส่วนใหญ่ทยอยประกาศยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางเพื่อควบคุมโควิด-19
ทำให้ปริมาณการเดินทางที่อั้นในช่วงที่ผ่านมากลับมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งไทยแอร์เอเชีย ชิงความได้เปรียบในความพร้อมของฝูงบินเเละพนักงาน ในการขยายเครือข่ายการบินครอบคลุมทั้งเส้นทางภายในประเทศและเส้นทางระหว่างประเทศที่มีการเพิ่มเที่ยวบินมากขึ้น
ทั้งนี้ ณ สิ้นสุดไตรมาส TAA กลับมาบินเส้นทางระหว่างประเทศ รวม 27 เส้นทาง สู่ 11 ประเทศ* และยังแสวงหาโอกาสใหม่ๆ โดยพร้อมบินตรงสู่ฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น และธากา ประเทศบังกลาเทศ รวมทั้งเส้นทางบินตรงจากฐานปฏิบัติการบินเชียงใหม่ สู่ฮานอย ดานัง ประเทศเวียดนาม และไทเป ประเทศไต้หวัน ที่จะทำการบินในไตรมาส 4/2565 ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน
“ความภูมิใจในไตรมาส 3/2565 นอกเหนือจากผลการดำเนินงานที่ฟื้นตัวดีขึ้นเเล้ว กลุ่มสายการบินแอร์เอเชียยังได้รับรางวัลตอกย้ำคุณภาพเป็นสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลกติดต่อกัน 13 สมัยจากการจัดอันดับของสกายเเทรกซ์ (Skytrax) และ AAV ยังได้รับคัดเลือกเป็นหุ้นยั่งยืน (THSI) กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ เป็นปีที่ 4 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สะท้อนให้เห็นความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เป็นที่ยอมรับเชื่อมั่นของทุกคน” นายสันติสุขกล่าว
ทั้งนี้เมื่อสรุปผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 9 เดือน ปี 2565 AAV มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,504 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 229 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขนส่งผู้โดยสารรวม 5.89 ล้านคน ส่วนหนึ่งเป็นรายได้จากบริการเสริมพิเศษ (Ancillary Income) อยู่ที่ 1,747 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 320 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
จากค่าบริการฝากสัมภาระใต้ท้องเครื่อง ค่าธรรมเนียมการเลือกที่นั่ง และค่าธรรมเนียมการชำระเงินที่เติบโตดีขึ้นตามปริมาณผู้โดยสาร ผนวกกับการได้รับอนุญาตจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ให้จำหน่ายเเละรับประทานอาหารบนเครื่องได้ตั้งเเต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
สำหรับไตรมาส 4/2565 นายสันติสุข เชื่อมั่นว่าจะเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจสายการบิน เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว และได้เเรงหนุนจากภาครัฐ อาทิ เเคมเปญ “ลดทั่วฟ้า บินทั่วไทย” ที่การท่องเที่ยวเเห่งประเทศไทยมอบส่วนลด 300 บาทต่อหมายเลขการจองสำหรับการบินเส้นทางภายในประเทศที่กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
รวมทั้งการทำงานเชิงรุกร่วมกันในการเจาะตลาดต่างประเทศ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทยให้มาใช้จ่ายในช่วงวันหยุดยาว
อย่างไรก็ตาม TAA ยังวางเป้าหมายยอดขนส่งผู้โดยสารตลอดปี 2565 อยู่ที่ 10 ล้านคน และคงเเผนฝูงบินจำนวน 53 ลำภาย ณ สิ้นปี รวมถึงเดินหน้าเพิ่มความถี่เเละเปิดเส้นทางบินระหว่างประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ และมีความพร้อมรองรับเส้นทางบินเข้าออกประเทศจีนที่คาดการณ์ว่าจะเริ่มผ่อนปรนมาตรการโควิด-19 เป็นศูนย์ในปีหน้า
*สิ้นสุดไตรมาสที่ 3/2565 TAA ให้บริการเส้นทางระหว่างประเทศ รวม 27 เส้นทาง สู่ 11 ประเทศ คือ อินเดีย มัลดีฟส์ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน และฮ่องกง
สำหรับผลประกอบการของ AAV ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทขาดทุนอยู่ที่ 11,144 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวก่อนของปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 5,654 ล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และการอ่อนค่าของเงินบาท ทำให้สายการบินมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น แม้ว่าสายการบินไทยแอร์เอเชีย จะมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มขึ้น