นางเคอิ โดอิ ผู้อำนวยการบริหารองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) สำนักงานกรุงเทพฯ เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่าหลังจากรัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายทยอยเปิดประเทศ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง
โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 11 ต.ค.2565 ที่ได้ยกเลิกข้อจำกัดต่างๆในการเดินทางเข้าญี่ปุ่น ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของญี่ปุ่น
เนื่องจากโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ญี่ปุ่นมีมาตรการควบคุมการเดินทางเข้าประเทศ ในปี 2564 จึงมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น 250,000 คน สร้างรายได้ 120.8 พันล้านเยน ลดลงหากเทียบกับปี 2562 ที่ญี่ปุ่นมีต่างชาติเดินทางเข้าประเทศถึง 32 ล้านคน สร้างรายได้ 4.8 ล้านล้านเยน
ขณะที่คนไทยเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น อยู่ที่ 2,758 คนเท่านั้น จากก่อนโควิดจะอยู่ที่ราว 1.3 ล้านคน
เปิดประเทศ-เยนอ่อนค่าคนแห่เที่ยว
ดังนั้นล่าสุดเมื่อรัฐบาลญี่ปุ่น ออกมาตรการยกเว้นวีซ่า เข้าญี่ปุ่น ไม่เกิน 15 วัน เปิดให้เดินทางเที่ยวได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องผ่านกรุ๊ปทัวร์ การแสดงเอกสารใบรับรองการฉีดวัคซีนครบ 3 เข็ม ตามยี่ห้อที่องค์การอนามัยโลก (WTO) กำหนด หรือแสดงใบรับรองผลตรวจโควิดเป็นลบที่ตรวจภายใน 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางจากไทย
ทั้งตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมาก็มีการยกเลิกการลงทะเบียนในแอปพลิเคชั่น MySOS เหลือให้ลงทะเบียนกรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์ Visit Japan Website เท่านั้น ทำให้คนไทยมีโอกาสเดินทางกลับไปเที่ยวญี่ปุ่นได้สะดวกขึ้น
ในปี2565 ตั้งแต่เดือนม.ค.-ก.ย.มีคนไทยเดินทางเข้าญี่ปุ่นอยู่ที่ 28,800 คน ซึ่งในปีนี้การเปิดประเทศของญี่ปุ่นครั้งแรกเริ่มตั้งแต่เดือนมี.ค. ที่เปิดให้นักธุรกิจเดินทางเข้าไปทำธุรกิจได้
จากนั้นในเดือนมิ.ย.อนุญาตให้เข้าไปเที่ยวได้โดยต้องจองผ่านบริษัททัวร์ และต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคติดต่อของญี่ปุ่น แต่หลังจาก 11 ต.ค.ที่เปิดแบบไม่มีเงื่อนไข ประกอบกับเงินเยนอ่อนค่าเป็นประวัติการณ์ พบว่าคนไทยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น
คนไทยซื้อทัวร์ญี่ปุ่นปีใหม่เต็มแล้ว
โดยได้รับฟีตแบ็คจากบริษัททัวร์ว่าตั้งแต่เปิดประเทศ ช่วงตั้งแต่ 11 ต.ค.65 มีลูกค้าจองทัวร์เที่ยวญี่ปุ่นคึกคัก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ที่ขายจนเต็มแล้ว บริษัททัวร์ต้องการพนักงานเพิ่ม
รวมถึงคนไทยก็เดินทางเที่ยวเองโดยไม่ผ่านบริษัททัวร์เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ขณะที่สายการบินต่างๆก็ทยอยเพิ่มเที่ยวบินและเปิดเที่ยวบินเข้าญี่ปุ่นมากขึ้น
สอดคล้องกับเมื่อช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมาเราได้ทำแบบสอบถามถามไปยังนักท่องเที่ยวทั่วไปว่าถ้าเดินทางไปต่างประเทศอยากไปไหนมากที่สุด ซึ่งคนอยากไปญี่ปุ่นเยอะมาก
ขณะเดียวกันในช่วงที่ผ่านมาที่ยังไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่ได้ เราก็ไม่เคยหยุดในการทำตลาดในไทย โดยมีการออกแคมเปญต่างๆผ่านโซเชี่ยล มีเดีย อาทิ แคมเปญ I Miss Japan กระตุ้นให้คนไทยนึกถึงญี่ปุ่น แคมเปญเที่ยวญี่ปุ่นด้วยใจ จัดทำมิวสิคเพลงคิดถึง โดยจ้าง สกาย-วงศ์รวี นทีธร จากค่ายนาดาวบางกอก มาร้องเพลงและอินเสิร์ทภาพแหล่งท่องเที่ยวญี่ปุ่นประกอบด้วย
รวมถึงจ้างอินฟลูเอนเซอร์ ฮิโระ ซาโนะ รายการ สุโก้ย เจแปน ซึ่งอยู่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว ทำคลิปเที่ยวญี่ปุ่นผ่านช่องยูทูป รวมถึงการลงภาพแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในญี่ปุ่น ในเว็บไซต์ของ JNTO ภาษาไทย และเฟซบุ๊ก ที่มีผู้ติดตาม 8.8 แสนคน ซึ่งทำให้ตอนนี้เมื่อเที่ยวได้แล้วคนไทยนึกถึงและอยากไปเที่ยวญี่ปุ่น
ปี65ตั้งเป้าคนไทยเที่ยวญี่ปุ่น 1-2 แสนคน
“ในปี 65 ตลอดทั้งปีนี้จึงตั้งเป้าว่าจะกระตุ้นให้คนไทยเที่ยวญี่ปุ่นได้ราว 1-2 แสนคน หรือกลับมาได้ 10-20% เมื่อเทียบกับก่อนเกิดโควิด เนื่องจากญี่ปุ่นเพิ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่มีเงื่อนไขในช่วงต.ค.ที่ผ่านมา โดยเราเน้นการให้ข้อมูลขั้นตอนการเดินทางเข้าญี่ปุ่นเป็นภาษาไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยอยากรู้อย่างทันท่วงที ผ่านเฟซ บุ๊คและเว็บไซต์ของ JNTO และแจ้งไปยังผู้ประกอบการทัวร์ สายการบิน ที่เราจะมีเว็บไซต์เฉพาะ ก็ทำให้คนตัดสินใจเที่ยวได้ง่ายขึ้น” นางเคอิ กล่าว
อีกทั้งในวันที่ 19 พ.ย.65 JNTO จะจัดงาน “Japan-Thailand Tourism seminar: Embark upon a new adventure, Discover new treasures” เพื่อเป็นการฉลองการที่การท่องเที่ยวแบบสองทางระหว่างประเทศญี่ปุ่นและไทยกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และส่งเสริมความร่วมมือการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ
โหมตลาดเต็มที่ปี66 กระตุ้นเที่ยวเมืองรอง
ส่วนกลยุทธในการกระตุ้นตลาดจะโฟกัสไปที่กลุ่มคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง (FIT) เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เดินทางเที่ยวญี่ปุ่นสูงถึง 70% ส่วนอีก 20% เป็นการเดินทางผ่านบริษัททัวร์ โดยในปีหน้าจะมีการจัดงานเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง 2022 ระหว่างวันที่ 27-29 ม.ค.66 ที่รอยัล พารากอนฮอลล์ จะมีผู้ประกอบการจากญี่ปุ่น บริษัททัวร์และสายการบินในไทย รวมกว่า 100 รายมาร่วมออกบู้ธ
นำเสนอโปรโมชั่นแคมเปญ และขายสินค้าญี่ปุ่นราคาพิเศษ และผู้เยี่ยมชมงานที่ร่วมตอบแบบสอบถามภายในงาน มีสิทธิ์ร่วมลุ้นเป็นผู้โชคดีได้รับรางวัลเป็นตั๋วเครื่องบินไป-กลับประเทศญี่ปุ่น ตั้งเป้าผู้ชมงานในช่วง 3 วันอยู่ที่ 5.5 หมื่นคน
การเน้นโปรโมทให้คนไทยเที่ยวเมืองรองในญี่ปุ่น โดยเน้นการให้ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวและวิธีการเดินทางแบบง่ายๆ เพื่อดึงดูดให้คนไทยที่เดินทางเที่ยวญี่ปุ่นซ้ำอยู่แล้ว โดยเที่ยวเมืองใหญ่อย่างโตเกียว โอซาก้า อยู่บ่อยแล้ว หันมาเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ในเมืองรอง ซึ่งจะโปรโมทให้คนไทยบินเข้าสู่เมืองใหญ่
เนื่องจากมีเที่ยวบินตรงจากไทย จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมืองรอง และสร้างประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น ด้วยการโปรโมทการเดินทางท่องเที่ยวใน 3 เส้นทาง ได้แก่
เส้นทางที่ 1 บินจากไทยสู่โอซาก้า แล้วเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวต่างๆที่เกาะอะวะจิ เกาะชิโกะกุ และขึ้นเครื่องบินกลับที่ฟุกุโอะกะ โดยได้จ้างบล็อกเกอร์ Go Went Go มาถ่ายทำในเส้นทางนี้ ใช้เวลาเดินทาง 5 คืน 7 วัน เพื่อลงในยูทูป และลงในเว็บไซต์ของ JNTO
เส้นทางที่ 2 บินเข้าโตเกียว เที่ยวภูเขาไฟฟูจิ เมืองมัตสึโมโตะ เมืองเก่าทาคายาม่า และบินออกทางนาโกยา ซึ่งเส้นทางนี้จะเน้นเจาะการท่องเที่ยวแบบลักชัวรี ทั้งที่พักดีๆ ประสบการณ์และกิจกรรมต่างๆ อาทิ ในสกีรีสอร์ท ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายนี้ โดยจ้างมาริโอ้ เมาเร่อ มาร่วมเดินทางและถ่ายทำในเส้นทางนี้
เส้นทางที่ 3 จะเป็นเส้นทางเที่ยวในโตเกียว และฮอกไกโด โดยมี แบงค์ ธิติ และ พิมฐา ฐานิดา มาแนะนำแหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมสนุกๆ ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่โปรโมทสำหรับคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกอีกด้วย
อย่างไรก็ตามในปีหน้าก็มั่นใจว่าคนไทยจะเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น และแม้จะเกิดโควิด-19 แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็ยังตั้งเป้าในปี2573 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าญี่ปุ่น 60 ล้านคน นางเคอิ กล่าวทิ้งท้าย