นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ผู้ประกอบการธุรกิจบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ท และเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ อาทิ แบรนด์อมารี โอโซ่ และชามา ซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งในเครือบริษัท อิตัลไทย ได้เปิดเผยว่า ปีนี้ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ตั้งเป้าขยายพอร์ตธุรกิจโรงแรมเพิ่มอีก 11 แห่งในช่วง 2-3 ปีนี้ เพื่อรองรับการฟื้นตัวและเติบโตของการท่องเที่ยว
โดยการขยายโรงแรมทั้ง 11 แห่งล้วนเป็นการรับบริหาร ภายใต้ 3 แบรนด์หลัก ทั้งอมารี โอโซ่ และชามา ส่งผลในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้ ออนิกซ์ฯ จะมีธุรกิจโรงแรมในเครือ รวมเป็น 55 แห่ง
ภายใต้เป้าหมายการเป็นแบรนด์บริหารโรงแรม รีสอร์ท เซอร์วิสอพาร์ทเมนต์ และสปาชั้นนำสัญชาติไทย ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากปัจจุบัน 44 แห่ง รวมมากกว่า 7,000 ห้อง ครอบคลุมทั้งในไทย มาเลเซีย จีน ฮ่องกง มัลดีฟส์ บังกลาเทศ และ สปป.ลาว ซึ่งเป็นโรงแรมที่เราเป็นผู้ลงทุนเองคิดเป็นสัดส่วน 18% และการรับบริหารจัดการอยู่ที่ 82%
สำหรับปี 2566 ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ตั้งเป้ารายได้ของโรงแรมที่บริษัทฯ ลงทุนเองและรับจ้างบริหารรวมอยู่ที่ 8,800 ล้านบาท หรือ เติบโตประมาณ 60% จากปี 2565 เพิ่มขึ้นจากก่อนโควิด-19 ที่ในปี2562 ออนิกซ์ฯ มีรายได้ของโรงแรมที่บริษัทฯ ลงทุนเองและรับจ้างบริหารรวมอยู่ที่ 7,000 ล้านบาท และลดลงมาเหลือราว 3,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา จากผลกระทบของโควิด-19 และหากขยายจำนวนโรงแรมครบ 55 แห่งตามแผน รายได้น่าจะเพิ่มขึ้นทะลุ 1 หมื่นล้านบาท
นายยุทธชัย ยังกล่าวต่อว่า เราได้กำหนดยุทธศาสตร์หลักในการขยายธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ภายใต้กลยุทธ์ Quality Growth, Quality Partnerships เพื่อรองรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่มีแนวโน้มการฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดได้อย่างรวดเร็ว
ตลอดจนยังเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยว นักเดินทาง ตลอดจนกลุ่ม Expat ที่ต้องการพำนักอาศัยในแหล่งศูนย์กลางของธุรกิจและการท่องเที่ยวจำนวนมาก
เป้าหมายการเติบโตของธุรกิจ หรือ Quality Growth ในปี 2566 นี้ เราวางการขยายโรงแรมไว้ในประเทศไทย มาเลเซีย ฮ่องกง และมัลดีฟส์ เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักในการเข้าไปทำตลาดและขยายพอร์ตธุรกิจ โดยเฉพาะมาเลเซียนับเป็นตลาดใหม่ที่สำคัญมากในอนาคตของเครือออนิกซ์ฯ
เพราะเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อสูง นอกจากกลุ่มนักท่องเที่ยว ยังจะมีการเดินทางของกลุ่มนักธุรกิจต่างชาติจำนวนมาก สามารถขยายธุรกิจได้หลากหลาย จึงมีแผนเปิดดำเนินงานครบ 3 แบรนด์หลัก ทั้งอมารี โอโซ่ และชามา ครอบคลุมพื้นที่เศรษฐกิจและท่องเที่ยวของมาเลเซียภายในปีนี้
ขณะที่ Quality Partnerships ถือเป็นอีกหัวใจสำคัญของออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ที่มุ่งเน้นการสร้างพันธมิตรระยะยาวเพื่อมาร่วมกันสร้างการเติบโตไปด้วยกัน สอดรับเทรนด์ธุรกิจปัจจุบันที่นักลงทุนต่างกำลังมองหาความร่วมมือกับแบรนด์ที่แข็งแรงเพื่อช่วยส่งเสริมศักยภาพทางธุรกิจให้แก่กัน
ในส่วนของออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ก็เชื่อมั่นว่าด้วยจุดเด่นของพอร์ตโฟลิโอที่มีหลากหลายและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และได้รับการยอมรับมายาวนาน ผ่านการทำธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น เข้าถึงง่ายสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามโจทย์คู่ค้า และมีเครือข่ายแข็งแรงครอบคลุมทั่วภูมิภาค
จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กลุ่ม SP SETIA นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในมาเลเซีย JR Kyushu จากญี่ปุ่น Tai Hung Fai จากฮ่องกง หรือ Panchshil จากอินเดีย เป็นต้น
ทั้งนี้ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป มีพอร์ตธุรกิจครบตั้งแต่โรงแรม 5 ดาว จนถึงเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ครอบคลุมทุกตลาดที่มีศักยภาพ โดยมี 3 แบรนด์ที่เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนธุรกิจ ได้แก่
“อมารี” แบรนด์โรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ ที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจให้กับลูกค้าที่เข้าพัก
“โอโซ่” แบรนด์โรงแรมที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการออกไปค้นพบความสนุกใหม่ๆ
“ชามา” แบรนด์เซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ ที่เน้นกลุ่ม Expat & Long stay
สำหรับความคืบหน้าแต่ละแบรนด์หลักของเครือออนิกซ์ฯ เริ่มจากแบรนด์ “อมารี” ในประเทศไทยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการปรับภาพลักษณ์เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มที่เข้ามาใช้บริการให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ส่วนต่างประเทศได้เปิดดำเนินการเพิ่ม 2 แห่งที่มาเลเซีย ได้แก่ “อมารี กัวลาลัมเปอร์” และ “อมารี สไปซ์ ปีนัง” รวมถึงเปิด “อมารี ราญา มัลดีฟส์” ในมัลดีฟส์เพิ่มอีก 1 แห่ง
แบรนด์ “โอโซ่” เปิดดำเนินการแล้วที่พัทยา สมุย ภูเก็ต ส่วนต่างประเทศมีแผนเปิด “โอโซ่ เมดินี” ในเมืองเมดินี อิสกันดาร์ ประเทศมาเลเซีย
ส่วนแบรนด์ “ชามา” เปิดดำเนินการในไทยแล้ว 6 แห่ง และอีก 10 แห่งทั่วฮ่องกง และสาธารณรัฐประชาชนจีน และเตรียมเปิดเพิ่มในมาเลเซียอีก 2 แห่ง ที่เมืองยะโฮร์ บาห์รู และเมืองเมดินี อิสกันดาร์ ในปีนี้