นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยว่า สถานการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น
ทำให้ CENTEL เดินหน้ากลับมาขยายการลงทุนโรงแรมต่อเนื่อง
ปี 2566 เซ็นทาราเปิดโรงแรมใหม่ 6 แห่ง ได้แก่
รวมถึงการลงนามสัญญาบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 5 แห่งในไทย ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จังหวัดกระบี่ และจังหวัดเชียงราย
นอกจากนี้ เซ็นทารายังมีแผนเปิดสำนักงานในหัวเมืองสำคัญอย่างโฮจิมินห์ เซี่ยงไฮ้ และดูไบในปีนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต รวมถึงมีแผนเปิดสำนักงานเพิ่มอีกแห่งในโอซาก้าในปีหน้า เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจในภูมิภาค
อีกทั้งเซ็นทารายังตั้งเป้าลงนามสัญญาบริหารโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 10 แห่ง ในต่างประเทศ ณ จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวสำคัญต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ อาทิ เวียดนามและกาตาร์ และเซ็นทารายังเตรียมขยายความสำเร็จของแบรนด์เซ็นทารา รีเซิร์ฟ สู่จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหลักอื่น ๆ อาทิ ในพื้นที่หัวหิน กระบี่ และมัลดีฟส์
ดันรายได้โรงแรมปีนี้แตะ1หมื่นล้าน
นายธีระยุทธ ยังกล่าวต่อว่าในปีนี้เรามองว่าเป็นปีที่การท่องเที่ยวจะ recovery เราตั้งเป้ารายได้จากธุรกิจโรงแรมอยู่ที่ 1หมื่นล้านบาท สูงเกินปี2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ราว 9 พันล้านบาท เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวไทยหลังโควิดเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวมีคุณภาพ
ทำให้เซ็นทาราปรับราคาขายห้องพักได้เพิ่มขึ้น บางโรงแรมปรับเพิ่มได้สูงกว่าปีก่อนเกิดโควิดในปี 2562 ไปแล้ว และในปีนี้เซ็นทาราคาดว่าอัตราการเข้าพักเฉลี่ย ในปี 2566 จะอยู่ที่ 65-72% และรายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) เติบโต 30-37% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3,250-3,400 บาท
โดยการเติบโตของ RevPar มาจากอัตราการเข้าพักที่เพิ่มขึ้น และราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโรงแรมต่างประเทศ เช่นที่ในมัลดีฟส์ ดูไบและญี่ปุ่นที่ราคาเฉลี่ยสูงกว่าราคาห้องพักในประเทศไทย
นอกจากนั้น เซ็นทารายังขยายเครือข่ายพันธมิตรทางการตลาดไปยังกลุ่มธุรกิจสายการบิน ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า และบริษัทท่องเที่ยวต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้าและเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบโปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวัน (CentaraThe1) ซึ่งในปัจจุบันมีฐานลูกค้าในโปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันแล้วกว่า 7 ล้านคน
โดยสำหรับในปีนี้เซ็นทาราตั้งเป้าเพิ่มฐานสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันให้ได้มากกว่า 8 ล้านคน นอกจากโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราจะครบรอบ 40 ปีแล้วนั้นในปีนี้โปรแกรมสมาชิกเซ็นทาราเดอะวันก็ครบรอบ 10 ปีในปีนี้ด้วยเช่นกัน
เซ็นทาราจึงได้ผนึกกำลังร่วมกับพันธมิตรทางการตลาดอย่างสายการบินชั้นนำระดับโลก อย่างกาตาร์ แอร์เวย์, สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส และเตอร์กิช แอร์ไลน์ เพื่อมอบสิทธิประโยชน์มากมายให้แก่สมาชิกเซ็นทาราเดอะวันผ่านแคมเปญแลกเปลี่ยนคะแนนกับสมาชิกได้สะดวกและคุ้มค่ายิ่งขึ้น
ด้านนายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และรองประธานฝ่ายการเงินและฝ่ายบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL เปิดเผยว่าในปีนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 40 ของเซ็นทารา เราเดินหน้าขยายธุรกิจและโรงแรมไปยังตลาดใหม่ทั่วโลก พร้อมพัฒนาคอนเซ็ปต์แบรนด์โรงแรมใหม่ ๆ โดยมีเป้าหมายเติบโตและก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 100 แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลกภายในปี 2570
ทุ่ม1.5-2.3 หมื่นล้านขยายธุรกิจโรงแรม-อาหาร
สำหรับการขยายการลงทุนของ CENTEL ในช่วง 3 ปีนี้วางงบลงทุนอยู่ที่ 1.5-2.3 หมื่นล้านบาท ทั้งในส่วนของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร โดยธุรกิจอาหารวางงบลงทุนไว้ราว 1,000 ล้านบาทต่อปี ส่วนโรงแรมส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนสร้าง 3 โรงแรมใหม่ที่มัลดีฟส์ ใน 3 เกาะที่เราเป็นเจ้าจอง
ได้แก่ เซ็นทารา มิราจ มัลดีฟส์ ,เซ็นทาราแกรนด์มัลดีฟส์ 2เกาะนี้ลงทุนกว่า 5,000 ล้านยังไม่รวมค่าถมดิน และส่วนเกาะที่ 3 กำลังพิจารณาว่าจะเป็นโรงแรมเซ็นทารา รีเซิร์ฟ มัลดีฟส์ โดยทั้ง 3 โรงแรมที่มัลดีฟส์น่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 2567
รวมไปถึงการปรับปรุงโรงแรมเซ็นทารา มิราจ พัทยา และเซ็นทารา กะรน ภูเก็ตด้วย
ทั้งนี้ กลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งของเซ็นทาราในตลาดต่างประเทศ คือการลงนามสัญญาบริหารเพื่อเปิดให้บริการโรงแรมในประเทศกลุ่มอาเซียน อาทิ สปป.ลาว กัมพูชา และเวียดนาม
รวมถึงการจับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทชั้นนำในจีนเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ โดยมีกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางเป็นตลาดหลักของเซ็นทารา อย่างไรก็ดี เซ็นทารายังคงมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในหัวเมืองท่องเที่ยว เพื่อเติบโตธุรกิจในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2565 CENTEL มีรายได้รวมอยู่ที่ 18,216 ล้านบาท (ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร)เพิ่มขึ้น 57%บริษัทมีกำไรก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ยจ่าย และภาษีเงินได้ (EBITDA) รวมอยู่ที่ 4,411 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120% เทียบปีก่อน
รวมถึงมีกำไรสุทธิ 398 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดทุนสุทธิ 1,734 ล้านบาท โดยมีภาพรวมของอัตราการเข้าพัก (OCC Rate) อยู่ที่ 52% และราคาห้องพักเฉลี่ย (ARR) อยู่ที่ 4,791 บาท ส่งผลให้รายได้ต่อห้องพักเฉลี่ย (RevPar) เพิ่มขึ้น 193% เทียบปีก่อน เป็น 2,486 บาท
จากข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เซ็นทารามีโรงแรมและรีสอร์ตในเครือทั้งหมด 92 แห่ง (เปิดให้บริการแล้ว 50 แห่ง และอยู่ระหว่างการพัฒนา 42 แห่ง) มีจำนวนห้องพักทั้งหมด 19,348 ห้องพัก ใน 13 ประเทศ
ขณะเดียวกันเซ็นทารายังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมาพร้อมกับแผนระยะยาวในการลดผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง อาทิ การเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (single used plastic) ภายในปีพ.ศ. 2568
การให้โรงแรมและรีสอร์ทในเครือทุกแห่งได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อมจาก Global Sustainable Tourism Council – GSTC ภายในปีพ.ศ. 2568
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 20% ด้วยการบริหารจัดการการใช้พลังงาน การใช้น้ำ และการจัดการของเสียอย่างมีประสิทธิภาพภายในปีพ.ศ. 2572 และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปีพ.ศ. 2593