นายแอนคิด แทนดอน (Ankit Tandon) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจ (CBO) ระดับโลกและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง OYO เปิดเผยว่า ผลประกอบการรายได้ หรือ Gross Booking Value (GBV) ของโรงแรมที่เป็นพันธมิตรในประเทศไทย เพิ่มขึ้น 2 เท่าในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา มีรายได้เฉลี่ยต่อโรงแรมสูงขึ้นเป็น ประมาณ 20,000 ดอลล่าร์ (ต.ค.22-มี.ค.23) จาก 10,000 ดอลล่าร์เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า (เม.ย.-ก.ย.22)
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นเกิดจาก OYO ได้นำชุดเทคโนโลยีทันสมัย มาใช้ร่วมกับโรงแรมพันธมิตรเพื่อสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการ เพิ่มการมองเห็นในโฆษณาหาห้องพัก โดยแอพพลิเคชั่น Co-OYO ได้เปิดโอกาสให้โรงแรมต่างๆ เสนอโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเพื่อช่วยเพิ่มอัตราการเข้าพักและสนับสนุนการเพิ่มรายได้ ซึ่งเว็ปไซต์และแอพลิเคชั่นของ OYO มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่จำนวนมากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก
ล่าสุดได้เปิดบริการชำระเงินที่โรงแรมเพื่ออำนวยความสะดวกและยืดหยุ่นให้แขกที่เข้าพักเพิ่มขึ้น
"OYO ช่วยให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีด้วย เครื่องมืออัตโนมัติ เช่น AI chatbots เพื่อช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น โปรแกรมที่เชื่อถือได้ และมีความสะดวกในการชำระเงินคืนเมื่อต้องการ ส่วนลูกค้าเลือกใช้บริการค้นหาที่พักจาก OYO Platform ด้วยหลายเหตุผล ทั้งคุณภาพของที่พัก ราคาที่แข่งขันได้ แอพพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย Platform OYO มีความเป็นส่วนตัว และมีความยืดหยุ่น"
สำหรับ OYO นั้น มีเครือข่ายในประเทศไทยกระจายอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่นพัทยา, ภูเก็ต, เชียงใหม่, กระบี่ และเมืองธุรกิจ เช่น กรุงเทพฯ, ระยอง, ชลบุรี มีเครือข่ายโรงแรมกว่า 170 แห่ง กระจายทั่วประเทศไทย ที่ให้บริการหลากหลายตั้งแต่ราคาประหยัดจนถึงบริการระดับพรีเมียม โดยโรงแรมในภูเก็ตทำรายได้สูงสุด รองลงมาคือ เชียงใหม่ กรุงเทพฯ และพัทยา
นาย แอนคิด กล่าวอีกว่า บริษัทมุ่งที่จะสร้างความร่วมมือกับกลุ่มโรงแรมทั้งในเมืองธุรกิจและเมืองท่องเที่ยว สินค้าและบริการในท้องถิ่นจะยังคงเป็นแนวทางหลักในการดำเนินงานของเราในประเทศไทยซึ่งเป็นตลาดที่สำคัญของ OYO
นางสาวอรพิณ ศรีบุญเรือง เจ้าของโรงแรม Winner Inn ในจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า การตลาดเชิงกลยุทธ์ช่วยเพิ่มยอดรายได้ของโรงแรมให้เติบโตขึ้นมาก โดยข้อมูลจากรายงานผลการศึกษาความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ซึ่งสมาคมโรงแรมไทยและธนาคารแห่งประเทศไทยจัดทำขึ้นในเดือนมีนาคม ชี้ว่า โรงแรมส่วนใหญ่คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10-30% ผู้ประกอบการส่วนใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มขนาดเล็ก-กลาง ต้องการเงินอุดหนุนในลักษณะเดียวกับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน (We Travel Together)