วันนี้(วันที่ 31 พฤษภาคม 2566) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับพันธมิตร จัดงาน “Thailand Travel Mart Plus 2023 (TTM+ 2023)” ภายใต้แนวคิด “Visit Thailand Year 2023 : Amazing New Chapters” ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ
Thailand Travel Mart Plus 2023 จัดว่าเป็นบิ๊กอีเวนต์ ในเวทีการเจรจาการค้าแบบ B2B ทั้งยังเป็นการโชว์ศักยภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย พร้อมเดินหน้าสร้างมาตรฐานสู่ความยั่งยืน
การจัดงาน TTM+ 2023 ในปีนี้มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย (Seller) จำนวน 435 ราย มาร่วมออกบู้ธ และผู้ซื้อ (Buyer) จากทั่วโลก จำนวน 374 ราย มาร่วมเจรจาธุรกิจรูปแบบ B2B แลกเปลี่ยนข้อมูลสินค้าและบริการด้านท่องเที่ยว ตอกย้ำคุณค่าและความหมายของการท่องเที่ยวไทย (Meaningful Travel) เพื่อหมุดหมายการเติบโตอย่างยั่งยืน (High value and sustainability)
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า งาน Thailand Travel Mart Plus ถือเป็นหนึ่งในงานส่งเสริมการขายลักษณะ B2B ด้านการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
รวมถึงเป็นเวทีสำคัญในการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยกับผู้ประกอบการนำเที่ยวจากต่างประเทศ ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. กำหนดจัดงาน Thailand Travel Mart Plus 2023 ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ
นำเสนอภายใต้แนวคิด “Visit Thailand Year 2023 : Amazing New Chapters” ต่อเนื่องจากปี 2565 ตอกย้ำความพยายามของ ททท. ในการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวมายังประเทศไทย พร้อมยกระดับห่วงโซ่อุปทาน (Shape Supply)
สร้างมาตรฐานสู่ความยั่งยืน ควบคู่กับการส่งมอบคุณค่าและความหมายของการท่องเที่ยว (Meaningful Travel) และการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience-based-Tourism) ผ่าน Soft Power of Thailand
นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ กล่าวว่า จากความสำเร็จของการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยท่องเที่ยวในปี 2565 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวนทั้งสิ้น 11.8 ล้านคน ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่สูงกว่าเป้าหมาย ส่งผลถึงอัตราเติบโตของจำนวนผู้เข้าร่วมงาน TTM+ 2023 ครั้งนี้
โดยมีผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยและกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Seller) เข้าร่วมงาน จำนวนทั้งสิ้น 435 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.7 จากปีที่แล้ว และมีสัดส่วนผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้าร่วมเป็นครั้งแรก ร้อยละ 35
ขณะที่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวจาก 50 ประเทศทั่วโลก (Buyer) เข้าร่วมทั้งสิ้น 374 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับปี 2565 มีสัดส่วนผู้ประกอบการรายใหม่ร้อยละ 42 ซึ่งคาดว่าจะทำให้มีการเจรจาธุรกิจในงานกว่า 11,760 นัดหมาย
สะท้อนให้เห็นว่าตลาดท่องเที่ยวไทยกำลังได้รับความสนใจ และประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยว นับเป็นสัญญาณที่ดีในการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยสู่เป้าหมายภาพรวมรายได้ตลาดต่างประเทศ 1.5 ล้านล้านบาท ภายในปี 2566
อีกทั้งททท.ตั้งเป้าหมายว่าในปี 2567 ประเทศไทยจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 2 ล้านล้านบาท หรือมีรายได้กลับมา 100 % เมื่อเทียบเท่ากับปี 2562 ก่อนการระบาดของโควิด-19 ซึ่งเชื่อว่าการจัดงาน TTM+ ในปีนี้และปี 2567 จะมีส่วนช่วยให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวเข้าเป้า
กิจกรรมไฮไลท์สำคัญของ TTM+ 2023 ประกอบด้วย กิจกรรม TTM Talk ภายใต้หัวข้อ Building A Sustainable Future for Tourism with Innovation Technology โดย Mr. Ray Iramaneerat จากบริษัท Google Cloud Thailand
กิจกรรม Product Update ฉายภาพสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทยและประเทศกัมพูชา หนึ่งในประเทศจากกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS )
นอกจากนี้ ททท. ยังตอกย้ำทิศทางการท่องเที่ยวไทยที่มุ่งสู่ Smart Tourism ด้วยโซน Travel Tech ซึ่งร่วมกับพันธมิตร Bitkub Metaverse TAGTHAi Cf-Hotels และ T-ECOSYS จัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีสำหรับการท่องเที่ยวในหัวข้อ Future of Tourism และโซน Net Zero Tourism นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นต้นแบบในการอนุรักษ์ธรรมชาติและพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs
รวมไปถึงโซน Showcase และ Workshop แสดงผลิตภัณฑ์และสินค้าจาก 5 ชุมชน ได้แก่ กิจกรรมเบลนด์ชาจาก ARAKSA TEA Garden จ.เชียงใหม่ กิจกรรมเพ้นท์สีเข็มขัด ตัวหนังตะลุง จากกลุ่มรักษ์คอน จ.นครศรีธรรมราช
กิจกรรมประดิษฐ์ถุงผ้าพิมพ์ลายฉลุจากกลุ่มลูกหว้า จ.เพชรบุรี กิจกรรม DIY น้ำมันนวดหอมระเหยจากสมุนไพรไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี และผลไม้จากภาคตะวันออก
นอกจากนี้ยังมีโซนสาธิต สร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าและความหมายผ่านเรื่องราวของขนมหวานไทย ชิมขนมไทยกระทงใบตอง อาทิ ข้าวเหนียวมะม่วง ขนมตะโก้ และกาแฟออแกนิกแบรนด์ไทย อาทิ แบรนด์ Alexra Coffee จ.เชียงราย
ทั้งนี้ ช่วงเย็นของวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ททท. จัดกิจกรรม Welcome Reception ต้อนรับผู้เข้าร่วมงานด้วยความเป็นไทย (Thainess) ผ่านศิลปวัฒนธรรมไทยและอาหารไทยจากร้านอาหาร MICHELIN ได้แก่ ผัดไทยไฟทะลุ ขนมเบื้องหวานผึ้งน้อย บุญเลิศ บะหมี่เกี๊ยว หมูย่างซีอิ๊ว ส้มตำคุณกัญจณ์ และจกโต๊ะเดียว
รวมทั้งสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ด้วยการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามแนวคิด Reuse Reduce Recycle มาเป็นองค์ประกอบตกแต่งการจัดงาน
นอกจากนี้ ททท. ยังมุ่งให้ความสำคัญกับส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ โดยจัดกิจกรรมทัศนศึกษาสำรวจเส้นทางแหล่งท่องเที่ยว Pre-Post Tour สำหรับ Buyers และสื่อมวลชนต่างประเทศ
ได้แก่ กิจกรรม Pre-Tour ในวันที่ 30 และ 31 พฤษภาคม 2566 นำเสนอกิจกรรมการท่องเที่ยวมุมมองใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และ จ.นนทบุรี ภายใต้แนวคิดลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม และกิจกรรม Post-Tour ส่งมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวอย่างมีคุณค่าและความหมาย จำนวน 4 เส้นทาง
ได้แก่ เชียงใหม่ นครราชสีมา (เขาใหญ่) – ปราจีนบุรี สมุทรสงคราม - กาญจนบุรี และนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 3 – 5 มิถุนายน 2566 เพื่อเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการนำเที่ยวจากต่างประเทศทดลองสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวไทย และออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวนำเสนอกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
ททท. คาดหวังว่าการจัดงาน TTM+ 2023 ครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 2,420 ล้านบาท ทั้งจะเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในการสะท้อนความร่วมมือ สร้างความเข้าใจ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพ พลิกฟื้นเศรษฐกิจนำไปสู่ความยั่งยืนทุกมิติอย่างแท้จริงต่อไป