วันนี้(วันที่ 16 กันยายน 2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาที่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อพบปะและรับฟังข้อเสนอ จากผู้ประกอบการ และกลุ่ม Start Up ที่จ.เชียงใหม่ กว่า 100 คน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เผยหลังจากพบปะผู้ประกอบการ และกลุ่ม Start Up ที่เชียงใหม่ ว่าได้ทราบปัญหาและความต้องการของพื้นที่หลายประเด็น ซึ่งหลายเรื่องรัฐบาลวางแนวทางแก้ไขปัญหาไว้แล้ว เช่น
1. การเปิดสนามบินเชียงใหม่ที่ปัจจุบันนี้ใช้ได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง รัฐบาลมีแผนที่จะขยายเวลาเพื่อให้เที่ยวบินต่างประเทศเข้ามาเยอะขึ้น เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น
2. รัฐบาลมีแผนสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 ซึ่งจะเป็น Lanna International Airport หรือ สนามบินล้านนาวงเงิน 7 หมื่นล้านบาท 7 ปี รับนักท่องเที่ยว 20 ล้านคนต่อปี
3. ผลักดันแนวคิด 12 เดือน 12 events เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวแม้จะเป็นช่วง Low Season
4. สนับสนุนให้มีจัด World Event, การประชุมกับนานาชาติ หรือการจัดนิทรรศการ ซึ่งเชียงใหม่มีความพร้อมทั้งสถานที่ มีขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมที่เหมาะจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา
5.นำ Soft Power ที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลแทรกเข้าไปได้ทุกส่วน
6.ผลักดันเชฟเก่ง ๆ ในภาคเหนือที่มีอยู่จำนวนมากไปสู่ World Class Chef
7.เร่งแก้ปัญหา PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเชียงใหม่ ที่ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน ทั้งลดการเผาในประเทศ และเจรจากับต่างประเทศ ทั้งเมียนมาร์ และลาว
8.รัฐบาลจะผลักดันให้ Startup เข้าถึงแหล่งทุน โดยเฉพาะเงินสนับสนุนของภาครัฐ ผ่านการคิดนอกกรอบที่สอดคล้องกับบริบทของภาคธุรกิจ ตลอดจนการเชื่อมต่อไปยังตลาดโลก
ในเรื่องของการขยายสนามบินเชียงใหม่นั้น บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด(มหาชน) ทอท. หรือ AOT มีแผนการพัฒนาท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 ที่กำลังเริ่มดำเนินการตามแผนพัฒนา ซึ่งขณะนี้ได้ผู้รับจ้างออกแบบและดำเนินการแล้ว การพัฒนาระยะที่ 1 นี้ จะสร้างอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานเชียงใหม่หลังใหม่ รองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศ และปรับปรุงอาคารเดิมรองรับผู้โดยสารในประเทศ จะสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 18 ล้านคน/ปี งบประมาณลงทุนราว 1 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ภาพรวมของขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบิน ณ ปัจจุบันอยู่ที่ราว 15 เที่ยวบินต่อชั่วโมง หรือมีเที่ยวบินเฉลี่ย 150 เที่ยวบินต่อวัน โดยเมื่อการพัฒนาระยะที่ 1 แล้วเสร็จ จะเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเที่ยวบินได้เพิ่มขึ้นเป็น 30 เที่ยวบินต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ทอท.ยังมีการเตรียมการวางแผนในส่วนการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการก่อสร้างท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 อยู่แล้ว ที่ ต.ห้วยยาบ อ.บ้านธิ จ.ลำพูน พื้นที่ประมาณ 7,000 ไร่เช่นกัน ลงทุนประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนเรื่องการก่อสร้างท่าอากาศยานเชียงใหม่แห่งที่ 2 นั้น น่าจะต้องเป็นช่วงหลังจากที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ปัจจุบันที่พัฒนาแล้วมีจำนวนผู้โดยสารเต็มขีดความสามารถในการรองรับแล้ว
ส่วนประเด็นเรื่องการขยายเวลาให้บริการท่าอากาศยานเชียงใหม่เป็น 24 ชั่วโมง ซึ่งปัจจุบันเปิดบริการถึงเวลาเที่ยงคืน โดยขณะนี้กำลังเร่งพิจารณาความเป็นไปได้ในการเปิดบริการเป็น 24 ชั่วโมง ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะสามารถให้บริการเป็น 24 ชั่วโมงได้ เพื่อจะรองรับสายการบินระหว่างเทศ อาทิ สายการบินจากยุโรปได้มากขึ้นในอนาคต