โรงแรมหรู 4 แห่งที่จะเปิดให้บริการในปีหน้า ประกอบไปด้วย
จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้แนวโน้มผลการดำเนินงานของ AWC ในไตรมาส 4/66 จะเติบโตได้มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/66 เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซัน (ฤดูแห่งการขาย) สะท้อนจากยอดจองห้องพัก (Booking) อัตราการเข้าพัก (OCC) และรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืน (RevPar) ซึ่งเติบโตสูงที่สุดนับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นมา 4 ปี
ธุรกิจโรงแรมของ AWC ที่ไปได้ดี เป็นเพราะเราจับกลุ่มนักท่องเที่ยวกระจายหลายประเทศ และเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพ ทำให้เรายังไม่กระทบมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักเราเป็นอเมริกา 14-15% และจีน 11% แม้จะลดลงจากเดิมที่เคยอยู่ที่ 16% แต่ยังมีเข้ามา ส่วนอิสราเอล ไม่ใช่ตลาดหล้กของ AWC
ทั้งนี้สิ่งที่เห็นคือนักท่องเที่ยวจ่ายค่าห้องสูงขึ้น 15% สูงสุด 49% เทียบกับก่อนปี 2562 และพักยาวขึ้นด้วย ส่วนฟรีวีซ่าจีนกับคาซัคสถาน ยังไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะการจองสายการบินต้องใช้เวลาเป็นปี ซึ่งไตรมาส4 เป็นไฮซีซั่น อัตราเข้าพักและค่าห้องจะสูงเท่าปี 2561-2562 และดีที่สุดในรอบ 4 ปีนับจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ โดยปีนี้คาดว่ารายได้เราจะโตมากกว่าตัวเลข 2 หลัก
สำหรับสถานการณ์โรงแรมไตรมาส4ว่าแม้ยังมีความผันผวนจากสถานการณ์โลก เหตุกราดยิงที่สยามพารากอนล่าสุดเหตุความไม่สงบที่ประเทศอิสราเอล แต่อัตราเข้าพักของโรงแรมในเครือยังดีต่อเนื่อง ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงหรือผลกระทบที่เกิดขึ้น อาจจะมียกเลิกการเข้าพักโรงแรมย่านสาทรบ้างแต่เป็นกรุ๊ปเล็ก หลังเกิดเหตุการณ์ที่สยามพารากอน แต่ในขณะนี้ยอดการจองก็กลับมาเป็นปกติแล้ว
นางวัลลภา กล่าวว่า ทั้งนี้หากรัฐบาลจะมีการขยายประเทศให้วีซ่าฟรีนับเป็นเรื่องที่ดี เพราะอะไรที่ซัพพอร์ตการท่องเที่ยว ซึ่งบริษัทมีเครือข่ายอยู่หลายประเทศ ไม่อยากระบุว่าต้องเป็นประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ยังมีกลไกของระบบอุตสาหกรรมที่ต้องร่วมกันผลักดัน โดยเฉพาะสายการบินที่ยังเป็นปัจจัยใหญ่ ต้องสร้างความแข็งแกร่งของสายการบินและเที่ยวบินเข้ามามากขึ้นด้วย รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านต่างๆมากขึ้นก็ยิ่งดี เพราะแม้จะมีฟรีวีซ่า ยังต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงอยู่