“วีซ่าฟรี” เป็นหมัดเด็ดของรัฐบาลเศรษฐา หนึ่งในแผน Quick Win กระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่นนี้ โดยมาตรการนี้เป็นบูสเตอร์ช็อต ที่สามารถคาดหวังได้จากนักท่องเที่ยวจีน โดยเฉพาะกลุ่มที่เดินทางเที่ยวด้วยตัวเอง หรือ FIT ที่จะตัดสินใจเดินทางมาเที่ยวไทย แต่สำหรับกรุ๊ปทัวร์จีน อย่าคาดหวังมากนักในปีนี้
มาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ วีซ่าฟรี สำหรับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถาน ในช่วง 5 เดือนที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2566 เป็นกลไกสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจด้วยการท่องเที่ยว เพราะจีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย ซึ่งก่อนเกิดโควิด-19 เข้ามาเที่ยวไทยกว่า 10 ล้านคน เท่ากับนักท่องเที่ยวจากอาเซียนรวมกัน หรือคิดเป็น 28% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าไทย ขณะที่นักท่องเที่ยวคาซัคสถานเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงต่อเนื่อง
หลังโควิด-19 จากสถิติล่าสุดในปีนี้ (1 ม.ค.- 22 ตุลาคม 2566) ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 21.5 ล้านคนแล้ว แต่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่เคยครองอันดับ 1 กลายมาเป็นอันดับ 2 รองจากนักท่องเที่ยวมาเลเซีย โดยไทยมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวแล้ว 2,706,983 คน เพิ่งฟื้นตัวกลับขึ้นมาเพียง 37% เท่านั้น
สาเหตุหลักมาจาก 4 ปัจจัยหลักที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวช้า
1. ปัญหาเศรษฐกิจในจีน
จากพิษโควิด-19 ซึ่งปิดประเทศไปนานร่วม 3 ปี GDP จีนลดลงอย่างมากจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ อสังหาจีนรายใหญ่ทยอยล้มลงไป ไม่ว่าจะเป็น การล้มละลายของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ การผิดนัดชำระหนี้ของ คันทรี่ การ์เดน ทำให้คนจีนในภาคก่อสร้างตกงานแล้วกว่า 62 ล้านตำแหน่ง
ทั้งยังลุกลามสู่ภาคการเงิน ที่พนักงานในภาคนี้ถูกลดค่าตอบแทนแล้วมากถึง 40% การจ้างงานใหม่ลดลง ทำให้คนจีนต้องรัดเข็มขัดและลดการเดินทางออกนอกประเทศ ทุกวันนี้คนจีนเดินทางเที่ยวต่างประเทศลดลง จากเดิมเคยอยู่ที่ประมาณ 100-150 ล้านคนต่อปี แต่ทุกวันนี้เดินทางไม่ถึง 100 ล้านคนต่อปี
2.รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกระตุ้นเที่ยวในประเทศ
รัฐบาลจีนก็ให้ความสำคัญในการโปรโมทการท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งหลังจากจีนเปิดประเทศ คนจีนเดินทางเที่ยวในประเทศมากขึ้น และการทำพาสปอร์ตใหม่ หรือต่ออายุพาสปอร์ต สำหรับคนจีนที่พาสปอร์ตหมดอายุ ก็จะยากมากขึ้นกว่า
การเดินทางออกนอกประเทศจึงเป็นคนที่มีกำลังซื้อ มีพาสปอร์ตอยู่แล้วในมือเป็นส่วนใหญ่ เทรนด์การเดินทางของนักท่องเที่ยวจีน จึงเป็นกลุ่มเอฟไอที หรือเดินทางมาเป็นกลุ่มเล็กๆ การ เดินทางมาโดยกรุ๊ปทัวร์ใหญ่อย่างในอดีตแทบจะไม่มี
3.กระแสด้านลบเรื่องความไม่ปลอดภัยในไทย
ปัญหากระแสด้านลบเรื่องความไม่ปลอดภัยในการเดินทางมาเที่ยวไทย โดยเฉพาะหลังจากภาพยนตร์ No More Bets ที่กำลังเข้าฉายในจีนและได้รับความนิยมอย่างมาก โกยรายได้ไปแล้วกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ได้นำเสนอเรื่องที่นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชาวจีน ถูกลักพาตัวขณะเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศอาเซียน (ในฉากคล้ายประเทศไทย)
ทั้งถูกส่งไปเพื่อนบ้านไปประเทศที่ 3 (ฉากคล้าย พม่า กัมพูชา) ถูกกักขังและบังคับให้ทำงานในแก๊งต้มตุ๋มหลอกลวงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งภาพยนตร์อ้างอิงสร้างจากเรื่องจริง ทำให้เกิดการวิตก หวาดกลัวในการเดินทางมาไทย และอาเซียน
รวมไปถึงโซเชียลทุกแพลตฟอร์มในจีน มีก็คอนเทนต์ และทำคลิปอย่ามาไทย ไม่ปลอดภัย จำนวนมาก บวกกับกระแสภาพยนตร์ดังกล่าว ทำให้คลิปมีผู้เข้าชมสูงมาก ต่างแสดงความเห็นเชิงลบ หวาดกลัวที่จะมาไทย รวมถึงคอนเทนต์ข่าวการจับกุมทุนจีนสีเทา จีนหลอกจีนในไทยมาเป็นกระแสทำคอนเทนต์
4. ปัญหาเรื่องความไม่สะดวกในการขอวีซ่าเข้าไทย
ความไม่สะดวกในการขอวีซ่าเข้าไทย เพราะแม้ไทยจะเป็น 1 ใน 20 ประเทศแรกที่จีนอนุญาตให้ทำทัวร์ออกนอกประเทศได้ แต่ก็ติดปัญหาในเรื่องการทำวีซ่ากรุ๊ปทัวร์ที่ใช้เอกสารและเวลาในการพิจารณามากกว่าเดิม ทำให้นักท่องเที่ยวจีนยังเข้ามาเที่ยวไทยได้ไม่มากเท่าที่ควร
ดังนั้นล่าสุดเมื่อรัฐบาลมีนโยบายยกเว้นการตรวจลงตรา สำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทย ก็ถือเป็นการปลดล็อกความไม่สะดวก ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา (วีซ่าฟรี) และไม่ต้องขอวีซ่า จึงไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมค่าวีซ่าด้วยเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามด้วยปัญหาของเศรษฐกิจจีนที่เกิดขึ้น ทำให้คนชั้นกลางถึงล่างของจีนที่กระจายตัวอยู่ในเมืองต่างๆ ของจีน และเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้รับผลกระทบอย่างมาก คนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มาเที่ยวไทยในลักษณะกรุ๊ปทัวร์ ประกอบกับค่าตั๋วเครื่องบินและแพ็คเกจทัวร์ที่แพงขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลุ่มนี้ไม่สามารถเดินทางมาเที่ยวไทยได้เหมือนในอดีต ทำให้มาตรการวีซ่าฟรี จึงไม่สามารถหวังผลได้มากนักสำหรับนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์
ต่างจากนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเที่ยวด้วยตัวเองหรือ FIT คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มีศักยภาพในการเดินทางเที่ยวต่างประเทศได้ การออกวีซ่าฟรีของไทย จึงเป็นแรงหนุนที่จะบูสต์ตลาดจีนมาเที่ยวไทยในนี้ได้ ราว 4 ล้านคน แม้จะไม่ถึงเป้าหมาย 5 ล้านคนในปีนี้ จากเดิมที่ตั้งไว้ก็ตาม ประกอบกับนับจากช่วงเดือนต.ค.นี้ ถึงมี.ค.ปีหน้า เป็นช่วงไฮซีซัน สายการบินต่างๆ ก็มีแผนเปิดเส้นทางบินและเพิ่มเที่ยวบินเข้าไทยเพิ่มขึ้น ในช่วงตารางบินฤดูหนาวนี้
โดยเฉพาะเส้นทางบินไทย-จีน ซึ่งนอกจากการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินจีนเข้าไทยแล้ว สายการบินของไทย ต่างก็ยื่นแผนเปิดเส้นทางบินสู่จีนกันอย่างคักคัก เช่น บางกอกแอร์เวย์ส เตรียมจะเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มเที่ยวบินอย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิดเส้นทางบินใหม่ ดอนเมือง-สมุย 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ เริ่ม 29 ต.ค.นี้ ไทยแอร์เอเชีย เปิดจุดบินใหม่สู่ซัวเถา 29 ต.ค.นี้ ไทยไลอ้อนแอร์ก็เตรียมจะเปิดบินสู่ฉงชิ่ง, หนานชาง, หนิงโป ในปีหน้า เป็นต้น
ททท.คาดจีนเที่ยวไทยปีนี้ 4 ล้านคน
โดยในช่วง 5 เดือนมาตรการวีซ่าฟรี ททท.คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเที่ยวไทย 2,888,500 คน สร้างรายได้ 140,313 ล้านบาท ฟื้นตัว 62% เมื่อเทียบกับก่อนโควิด และจะเป็นแรงหนุนให้ ตลอดทั้งปี 66 นี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยประมาณ 4.01-4.4 ล้านคน สร้างรายได้ 257,500 ล้านบาท
ขณะเดียวกันก็คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวคาซัคสถานเข้าไทยราว 129,485 คน เพิ่มขึ้น 49.7% สร้างรายได้ 7,930 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 150,000 คน โดยหลังจากนโยบายวีซ่าฟรี สายการบิน Air Astana ก็เตรียมจะเพิ่มเที่ยวบินจากคาซัคสถานสู่กรุงเทพฯและภูเก็ต เริ่มปลายเดือนต.ค.นี้เป็นต้นไป เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวคาซัคสถานสามารถเดินทางเข้าไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นเวลา 30 วัน
นักท่องเที่ยวคาซัคสถานจัดว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ โดยเพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนเกิดโควิดเกือบเท่าตัว จากราว 56,529 คนในปี 62 เพิ่มมาเป็น 109,865 คน (ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-17 ก.ย. 66) วีซ่าฟรีจึงเป็นบูสเตอร์ช็อต ที่จะกระตุ้นตลาดได้เป็นอย่างดี