มัลดีฟส์เป็นประเทศแรกของโลก ที่กลับมาเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่เดือนก.ค.63 หลังปิดประเทศไปเพียง 4 เดือนเท่านั้น ทำให้ธุรกิจโรงแรมในมัลดีฟส์ฟื้นตัวเร็วกว่าทุกประเทศ ทั้งยังทำสถิติรายได้สูงสุดในปีที่ผ่านมา ทำเอากลุ่มโรงแรมไทยในมัลดีฟส์ต่างตีปีก และในปีนี้การท่องเที่ยวมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง เมื่อสายการบินต่างๆก็ทยอยกลับมาเปิดบินสู่มัลดีฟส์เพิ่มขึ้น
การปักธงโรงแรมของกลุ่มทุนไทยในมัลดีฟส์ มีทั้งที่เป็นเจ้าของ ร่วมลงทุน และรับบริหาร ที่เกาะจายตัวอยู่ในลักษณะ 1 เกาะ 1 โรงแรม
กลุ่มใหญ่ที่สุดจะเป็น “ไมเนอร์ โฮเทลส์” ที่มีโรงแรมและรีสอร์ทมากถึง 7 แห่ง รวม 707 ห้อง
โดยเป็นเจ้าและร่วมลงทุน 4 แห่ง คือ
รับบริหาร 3 แห่ง คือ
ทั้งยังมีกลุ่ม “เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR)” ธุรกิจโรงแรมของ “สิงห์เอสเตท” ภายใต้การลงทุนในโครงการครอสโร๊ด ที่มีโรงแรม 3 แห่ง รวม 429 ห้อง ได้แก่
การลงทุนของกลุ่ม “เซ็นทารา” ที่ปัจจุบันเปิดให้บริการอยู่แล้ว 2 แห่ง คือ
รวมถึงการลงทุนของกลุ่ม “ดุสิตธานี”
การรับบริหารโรงแรมของ “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” ธุรกิจโรงแรมของกลุ่ม “อิตัลไทย” คือ
ทั้งนี้การที่กลุ่มทุนไทยมองโอกาสในการขยายการลงทุนโรงแรมในมัลดีฟส์เพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับผลตอบแทนในการลงทุนที่สูง บางแห่งได้รับผลตอบแทนสูงสุดที่ระดับ 7% ประกอบกับไทยมีจุดเด่นด้านฮอสพิทาลิตี้
ประกอบกับหลังโควิด-19 การท่องเที่ยวมัลดีฟส์ฟื้นตัวเร็วมาก จากในปี 2563 ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามัลดีฟส์ 5.5 แสนคน ขยับมาเป็น 1.67 ล้านคนในปี 2565 ใกล้เคียงกับก่อนเกิดโควิดในปี2562 ซึ่งอยู่ที่ 1.7 ล้านคน และยังปรับราคาห้องพักได้สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดไปแล้ว โดยราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30% จากช่วงก่อนเกิดโควิด-19
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วงก่อนโควิด-19 ในปี 2560 ผลการสำรวจของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) พบว่า “กลุ่มทวีปเอเชียแปซิฟิก” มีอัตราการขนส่งผู้โดยสารสู่มัลดีฟส์ สูงสุดถึง 74.1% หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยว 2.2 ล้านคน
โดยประเทศไทยติดหนึ่งใน 5 อันดับของตลาดการท่องเที่ยวเดินทางสัญจรสู่มัลดีฟส์ และ “หมู่เกาะมัลดีฟส์”ซึ่งยังคงเป็นหมุดหมายสำคัญที่ได้รับกระแสความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก
ด้วยเทรนด์การเดินทางในรูปแบบ “Bleisure Travel” ที่ผสานการเดินทางเชิงธุรกิจเข้าด้วยกับการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ สอดคล้องกับธุรกิจท่องเที่ยวอื่น ๆ เช่น บริการที่พัก โรงแรม ที่กลับมาขยายตัว และมีการลงทุนในมัลดีฟส์เพิ่มด้วยเช่นเดียวกัน
นี่เองจึงทำให้บางกอกแอร์เวย์ส กลับมาเปิดเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ มัลดีฟส์ (มาเล่) ตั้งแต่ 1 ก.ย.66ที่ผ่านมา จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ในวันจันทร์ พุธ ศุกร์ และอาทิตย์ ด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ319
โดยมีบริการในชั้นธุรกิจ และชั้นประหยัด เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นนี้ ปัจจุบันมีอัตราขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 65 % ลูกค้าที่ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย อิตาลี สเปน ญี่ปุ่น และ มัลดีฟส์ นายพุฒิพงศ์ กล่าว
พร้อมกันนี้ยังได้ร่วมมือกับโรงแรมและรีสอร์ทต่างๆ เพื่อส่งมอบสิทธิพิเศษหรือความคุ้มค่าในการใช้บริการ อาทิ รับสิทธิพิเศษส่วนลดค่าบัตรโดยสารเมื่อจองห้องพักผ่านทางโรงแรมที่ร่วมรายการในการกระตุ้นตลาด
ทั้งล่าสุดบางกอกแอร์เวย์สได้จัดโปรโมชันกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยวช่วงส่งท้ายปี ในเส้นทางกรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) – มัลดีฟส์ (มาเล่) (ไป-กลับ) เริ่มต้น 16,570 บาท โดยผู้โดยสารสามารถสำรองที่นั่งบัตรโดยสารราคาพิเศษและเดินทางได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2566 จองตั๋วเครื่องบิน คลิ๊ก
รวมไปถึงการให้บริการแบบฟูลเซอร์วิส ฟรีน้ำหนักกระเป๋าโหลด 20 กิโลกรัมต่อคน ผู้โดยสารทุกคนสามารถใช้บริการห้องรับรองของสายการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ และมีบริการอาหารบนเที่ยวบิน ทำให้ผู้โดยสารที่บินตรงจากไทยสู่มัลดีฟส์ได้รับความสะดวกเพิ่มขึ้น
นาย พอล คูนาฮาน ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท และ อนันตรา คิฮาวาห์ มัลดีฟส์ วิลล่าส์ กล่าวว่า การเปิดประเทศของมัลดีฟส์ที่เร็ว ทำให้ในปี 2565 ถือเป็นปีที่ธุรกิจการท่องเที่ยวในมัลดีฟส์มีสถิติสูงสุด โดยในปี 2566 เมื่อจุดหมายปลายทางอื่นๆ กลับมาเปิดอีกครั้ง จึงแบ่งส่วนตลาดการท่องเที่ยวบางส่วนจากมัลดีฟส์ไปบ้าง
โดยปี 2566 โรงแรมส่วนใหญ่ในมัลดีฟส์มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 60 – 62% ในขณะที่โรงแรมของไมเนอร์ โฮเทลส์ ที่มัลดีฟส์มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยประมาณ 67% เพิ่มขึ้น 22% สูงกว่าปี 2562
ธุรกิจการท่องเที่ยวในมัลดีฟส์ต่อจากนี้มีแนวโน้มที่จะดีมากยิ่งขึ้น โดยขณะนี้มีสายการบินต่างๆทยอยกลับมาเปิดเที่ยวบินเพิ่มขึ้น เช่น บางกอกแอร์เวย์ส กลับมาเปิดเที่ยวบิน จำนวน 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ สายการบินเอมิเรตส์ 4 เที่ยวบินต่อวัน กาตาร์ แอร์เวย์ส 2 เที่ยวบินต่อวัน ซาอุดิอาระเบียน แอร์ไลน์ส 10 เที่ยวต่อสัปดาห์ บริติชแอร์เวย์มีเที่ยวบินทุกวัน
สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของโรงแรม อย่าง อวานี พลัส แฟเรส มัลดีฟส์ รีสอร์ท ตลาดหลักยังเป็นนักท่องเที่ยวจากยุโรป คิดเป็นสัดส่วน 45% ตะวันออกกลาง 20% อเมริกาและอเมริกาใต้ 20% เอเชีย (รวมถึง 5% จากไทย)
แต่ก็มีแนวโน้มตลาดจากภูมิภาคเอเชีย เช่น ไทย เวียดนาม จีน เกาหลี และ ญี่ปุ่น มีทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนักท่องเที่ยว FIT และกลุ่มลูกค้าที่มางานแต่งงานและคู่ฮันนีมูน เนื่องจากมัลดีฟส์ยังคงถือเป็นจุดหมายปลายทางในฝันระดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกต้องการเดินทางมาเยือนสักครั้งในชีวิต