ไอคอนสยาม พร้อมแล้วกับการจุดพลุรักษ์โลก เพื่อฉลองเทศกาลเคาท์ดาวน์ 2024 โดยเตรียมจุดพลุในคืนวันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม 2566 ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2566
ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่าเพจไอคอนสยาม ได้โพสต์ข้อความว่า พลุรักษ์โลกพร้อมแล้ว! ทีมงานทุกคนก็พร้อม! พร้อมที่จะทำให้ความยิ่งใหญ่บนท้องฟ้าในวินาทีของการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ศักราชใหม่ 2024 สวยงาม เปรียบเสมือนสัญญาณแห่งความสุขและความรุ่งโรจน์ที่จะส่งตรงสู่ทุกคน
การแสดงพลุของไอคอนสยามในงาน Amazing Thailand Countdown 2024 เกิดขึ้นภายใต้การดูแลของ “โอกุจิ โยชิมาซะ” ผู้กำกับการแสดงพลุระดับโลกจากญี่ปุ่นและทีมงานผู้เชี่ยวชาญเพื่ออกแบบทุกรายละเอียดของพลุกว่า 50,000 ดอกให้เป็น พลุรักษ์โลกที่สมบูรณ์แบบที่สุด
“ผมทำพลุขึ้นมาจากข้าวเหนียวครับ...นี่จึงเป็นพลุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ทุกคนสนุกกันได้อย่างปลอดภัย” นี่คือคำยืนยันจาก โอกุชิ โยชิมาซะ ทำให้มั่นใจได้ว่าพลุทุกดอกที่ปรากฏขึ้นอัดแน่นทั้งความสวยงาม และยังมีการนำภูมิปัญญาไทยมาผสานเข้ากับนวัตกรรมใหม่ของโลก จนได้เป็นพลุชนิดใหม่ ที่ทำจากข้าวเหนียวไทย ไม่ใช่วัสดุเคมีใดๆ ดังนั้นควันจากการจุดพลุจึงน้อยกว่าพลุทั่วไป ถือว่าเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
“โอกุจิ โยชิมาซะ” เป็นผู้กำกับการแสดงพลุระดับโลกจากญี่ปุ่นเจ้าของรางวัลชนะเลิศการประกวดพลุปี 2023 จากเทศกาลดอกไม้ไฟชินเม ซึ่งเป็นหนึ่งในงานแสดงดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจังหวัดยามานาชิ ประเทศญี่ปุ่น โดยในปีนี้เขาได้นำเทคนิคการทำดอกไม้ไฟแบบเดียวกับที่จัดแสดงล่าสุดที่ญี่ปุ่นมาจัดแสดง ซึ่งจะทำให้ผู้ชมจะได้สัมผัสทั้งสีสันที่เต็มตาเต็มอารมณ์และรูปแบบของพลุที่มีความแปลกใหม่แบบที่ไม่เคยจัดแสดงมาก่อนในไทย”
Amazing Thailand Countdown 2024 จะสร้างปรากฏการณ์แห่งความทรงจำในช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ศักราชใหม่ด้วย The Largest & Longest Fireworks การแสดงพลุรักษ์โลก 50,000 ดอก ภายใต้แนวคิด “The Unrivaled Phenomenon of SIAM” มหาปรากฎการณ์เปิดศักราชใหม่แห่งสยาม จำนวน 7 ชุด ความยาว 9 นาที รวมระยะทาง 1,400 เมตร ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยบนโค้งน้ำเจ้าพระยา ครอบคลุมรัศมีการชมได้มากกว่า 5 กิโลเมตร
ที่สำคัญพลุทุกดอกถูกสร้างสรรค์ขึ้นอย่างมุ่งมั่นเพื่อแสดงอัตลักษณ์ไทยสู่สายตาชาวโลก ภายใต้ความตั้งใจที่จะทำให้โค้งน้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ยังคงได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็น “Global Countdown Destination” ระดับโลก ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาและภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ฟื้นคืนอย่างสมบูรณ์แบบอีกครั้ง