20 มกราคม 2567 นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เปิดเผยว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญกับการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย ผ่านความร่วมมือด้านสาธารณสุขเป็นอย่างมากได้มอบหมายให้ตน พร้อมด้วย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ด้านต่างประเทศ ผู้ช่วยอธิบดี สบส. ผู้แทนกรมควบคุมโรค และผู้แทนกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เดินทางเยือนซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือแนวทางการสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขของสองประเทศให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เจรจาจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MOU) ด้านสาธารณสุขระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบีย จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ทั้งสองฝ่ายได้เห็นชอบในสาขาความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน
สำหรับการเจรจาจัดทำร่าง MOU ใช้เวลาเพียง 45 นาทีเท่านั้น ก็บรรลุความเห็นชอบร่วมกัน เน้นความร่วมมือในด้านการสร้างความมั่นคงทางสุขภาพ (Health Security) และการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และการสร้างเสริมสุขภาพ (Medical and wellness tourism) ซึ่งเป็นสาขาที่ทั้งไทยและซาอุดีอาระเบียให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
โดยคาดว่า จะสามารถลงนาม MOU ระหว่างรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุขสองประเทศได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้ นพ.สุระกล่าว
นพ.สุระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาไทยและซาอุดีอาระเบียยังไม่มี MOU ความร่วมมือด้านสาธารณสุขมาก่อน มีเพียงการแลกเปลี่ยนการดูงานด้านการให้บริการสุขภาพตามโอกาสเท่านั้น
การลงนาม MOU ความร่วมมือด้านสาธารณสุขนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของความร่วมมือด้านสาธารณสุขของทั้งสองประเทศ และเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายโอกาสสร้างความร่วมมือในสาขาอื่น ๆ
นอกเหนือจากด้านสาธารณสุข ซึ่งไม่เพียงจะส่งเสริมความมั่นคงด้านสุขภาพของทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่ยังจะส่งเสริมความมั่นคงด้านสุขภาพของประชาคมโลกด้วย พร้อมกันนี้คณะของไทยยังได้หารือกับผู้แทนจากกองทุนประกันสุขภาพของซาอุดีอาระเบีย โดยให้ข้อมูลความพร้อมของสถานพยาบาลไทยในการให้บริการรักษาพยาบาลที่ตอบสนองต่อความต้องการของชาวซาอุดีอาระเบีย
รวมทั้งได้ศึกษาดูงานการให้บริการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลรัฐ และโรงพยาบาลเสมือนจริง (Virtual Hospital) ซึ่งมีความก้าวหน้าและทันสมัยเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา ตลอดจนได้แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์และมาตรการการควบคุมโรคของไทย กับผู้แทน Public Health Authority ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมโรคของซาอุดีอาระเบีย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบีย พร้อมศึกษาดูงานโอกาสและความท้าทายของการให้บริการ Wellness Thai ในซาอุดีอาระเบียด้วย