วันนี้ (24 มกราคม 2567) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย เข้าร่วมงาน “ASEAN Tourism Forum 2024” (ATF 2024) ระหว่างวันที่ 24-26 มกราคม 2567 ณ อาคาร Lao ITECC Exhibition Center นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ภายใต้แนวคิด Quality and Responsible Tourism–Sustaining ASEAN Future โดยคูหาประเทศไทยเน้นนำเสนอความเป็นไทยที่เป็นเอกลักษณ์ และตอบรับนโยบายส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เปิดเผยว่า ททท. ได้นำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยเดินทางเข้าร่วมงาน ASEAN Tourism Forum 2024 (ATF 2024) งานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวและเจรจานัดหมายทางธุรกิจ (B2B) ที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน
โดย ททท. ได้ร่วมออกคูหาประเทศไทย ขนาด 36 ตารางเมตร และได้จัดสรรพื้นที่ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจากประเทศไทย จำนวน 4 ราย ได้แก่ Thailand Privilege Card สายการบินไทย สายการบินบางกอก แอร์เวย์ และ สมาคมการค้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีสาน (สอทอ.) เพื่อเจรจาธุรกิจทางการท่องเที่ยว
โดยงาน ATF 2024 ถือเป็นโอกาสอันดีที่ ททท. และตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยวจากประเทศไทยจะได้พบปะสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ นำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพของประเทศไทย โดยเฉพาะการนำเสนอการท่องเที่ยวแบบ Low Carbon ท่องอีสาน ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรทั้งในกลุ่มประเทศอาเซียน และจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
กิจกรรมภายในงาน ATF 2024 ประกอบด้วย 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่
เพื่อหาแนวทางความร่วมมือด้านนโยบายทางการท่องเที่ยวของประเทศสมาชิกในภูมิภาคอาเซียน
เป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว ในรูปแบบ B2B โดยนำผู้ประกอบการจากประเทศในอาเซียนเข้าร่วมทำการเจรจาทางธุรกิจกับตัวแทนธุรกิจท่องเที่ยวจากนานาชาติ (International Travel Agent/Tour Operator) โดยจัดระหว่างวันที่ 24-26 มกราคม 2567
เพื่อนำเสนอสถานการณ์ล่าสุดทางการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งรวมถึงประเทศไทยจะได้นำเสนอข้อมูลสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทยให้กับผู้สื่อข่าว (Media) ต่างประเทศที่เข้าร่วมงาน ATF 2024 ให้เกิดการประชาสัมพันธ์และการรับรู้ในวงกว้าง
สำหรับคูหาประเทศไทย ได้รับเกียรติจาก นางสาวมรกต ศรีสวัสดิ์ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ นายกิตติ เชาวน์ดี เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. เข้าร่วมเปิดคูหาในวันที่ 24 มกราคม 2567 เวลา 10.00 น.
โดยภายในคูหาได้มีการนำผู้ประกอบการด้าน Health and Wellness จัดกิจกรรมสาธิตการนวดและสปาไทยให้กับผู้เข้าร่วมงานได้ทดลอง ซึ่งการนวดและสปาไทยมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับจากต่างประเทศเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังจัดให้มีการให้ข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยว (Information Counter) เผยแพร่และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของไทย บริเวณด้านหน้าของคูหาประเทศไทย
นอกจากนี้ ททท. กำหนดจัดงาน Media Briefing โดยมีนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวต้อนรับฯ และนายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. นำเสนอข้อมูลสถานการณ์การท่องเที่ยว และนำเสนอสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย เพื่อสร้างการรับรู้และขยายผลการประชาสัมพันธ์ในวงกว้างแก่สื่อมวลชน ในวันที่ 24 มกราคม 2567 เวลา 13.30-14.30 น. ณ ห้อง Mahaxay, Lao ITECC Exhibition Center โดยมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 30 คน
ในปี 2567 ททท. คาดว่าประเทศไทยจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดจากของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียนมากกว่า 38 % และยังคงเร่งทำตลาดในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียนเดินทางเข้าประเทศไทย จำนวนประมาณ 9,822,280 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ราว 114 % โดย ททท.จะเน้นส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่ออกเดินทางด้วยความตระหนักถึงการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ กลุ่ม Luxury กลุ่ม Health & Wellness กลุ่มครอบครัว
พร้อมเร่งเพิ่มค่าใช้จ่ายและขยายวันพักให้นักท่องเที่ยวเกิดการเดินทางเชื่อมโยงไปยังจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองของประเทศไทย และให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงการเดินทางของภูมิภาคอาเซียน รวมถึงนำเสนอ Soft Power ที่สะท้อนเอกลักษณ์และเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการท่องเที่ยวของไทย เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายนักท่องเที่ยวทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพอย่างยั่งยืนต่อไป
ททท. คาดหวังว่าการเข้าร่วมงาน ATF 2024 ในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพจากประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มสูงขึ้น สร้างรายได้เฉลี่ยต่อการพำนัก และจำนวนวัน ในการพำนักเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2567 โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างยั่งยืนตลอดไป