“พราวพุธ ลิปตพัลลภ” กรรมการบริหารกลุ่มบริษัทพราว หรือ พราวกรุ๊ป เปิดใจว่าปีที่แล้วเป็นปีที่ค่อนข้างดี สำหรับเรา ธุรกิจที่เราเปิดไป 2 แห่ง ช่วงโควิด-19 คือ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต เปิดปี 2563 และสวนน้ำอันดามันดา ภูเก็ต ที่เปิดเมื่อกลางปี 2565 แต่พอการท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัว ธุรกิจกลับมา เราได้อนิสงค์เต็มๆทั้งปี
ส่งผลให้ปีที่แล้วจึงเป็นปีที่เราเห็นผลประกอบการจากการดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มปี และหลังผ่านช่วงโควิดไป พราว กรุ๊ป เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจที่ค่อนข้างดี ทั้งในแง่ของรายได้และกำไรในปีที่ผ่านมา
เนื่องจากเราขยายธุรกิจเยอะขึ้น จากหัวหินมาสู่ภูเก็ต ประกอบกับธุรกิจที่ภูเก็ตได้รับผลตอบรับที่ดีมาก โดยพราวกรุ๊ปมีรายได้จากการดำเนินธุรกิจที่สูงมาก ขณะที่ธุรกิจในหัวหิน การท่องเที่ยวก็ค่อยๆฟื้นกลับมาเช่นกัน หากเทียบในช่วงปี 2565 เทียบกับปี 2566 ถือว่าเติบโตประมาณ 30% ซึ่งปีที่แล้วจากธุรกิจที่เรามีทั้งหมด รวมทรูอารีน่า หัวหิน เราปิดรายได้อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท
สำหรับในปีนี้เราตั้งเป้าหมายว่าถ้าเป็นธุรกิจในหัวหิน น่าจะเติบโตจากปีที่แล้ว 10 % ส่วนธุรกิจที่ภูเก็ต เรามองว่าการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 20-30% ทั้งนี้หากเทียบรายได้ธุรกิจพราวกรุ๊ป ระหว่างธุรกิจที่ภูเก็ต และ หัวหิน จะพบว่าเป็นรายได้จากธุรกิจที่ภูเก็ต คิดเป็นสัดส่วน 60 % กว่า ส่วนอีก 30% กว่าๆมาจากธุรกิจที่หัวหิน
หากถามว่าการทำธุรกิจที่ภูเก็ต และหัวหินที่ไหนมีการแข่งขันสูงกว่ากัน คุณพราวมองว่าหัวหิน เนื่องจากมาร์เก็ตไซด์ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าหัวหิน เทียบกับจำนวนห้องพัก ทำให้การแข่งขันดูโหดกว่าภูเก็ตเยอะ ขณะที่ภูเก็ตถ้าไปดูช่วงนี้จะเห็นว่าเต็มเกือบทุกโรงแรม ซึ่งธุรกิจของภูเก็ตในปีนี้ก็ดีกว่าปีที่แล้ว เพราะแม้นักท่องเที่ยวจีนจะหายไป แต่มีตลาดใหม่เข้ามาเยอะ
ปีที่แล้วที่เห็นชัดๆคือ ซาอุดีอาระเบีย อิสราเอล ช่วงปลายปีหลังจากการรบกันก็อาจชลอไป แต่ต้นปีนี้กลับเข้ามาแล้ว รวมถึงจากนโยบายฟรีวีซ่าก็ทำให้นักท่องเที่ยวรัสเซีย ยูเครนเข้ามามาก ขณะที่การยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีน ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนก็ขึ้นมา แต่เป็นลักษณะของตลาดที่เปลี่ยนจากกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ เป็นกรุ๊ปเล็กๆมากขึ้น
นอกจากนี้พราวกรุ๊ป ยังไม่หยุดที่จะพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดตัวโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน โฉมใหม่ ซึ่งเป็นการปรับปรุงใหญ่ในรอบ 15 ปี ที่จะสร้างให้เป็น The Next Chapter ของหัวหิน โดยได้ลงทุนไปเกือบ 120 ล้านบาทเฉลี่ยการลงทุนห้องละ 1 ล้านบาท
โดยปรับทั้งในส่วนของห้องพักฝั่งบีช ที่ยังคงเอกลักษณ์กลิ่นอายความสง่างามของเมืองหัวหินในยุค 1920 แต่มีความทันสมัย เปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่หมด การอัพเกรดสิ่งอำนวยความสะดวก ตั้งแต่ ล็อบบี้ ฟิตเนส คิดส์คลับ เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์รอบสระว่ายน้ำ ขยายพื้นที่หน้าหาดเพิ่มเตียงชายหาดเข้าไป
ที่สำคัญคือ การสร้างประสบการณ์การพักผ่อนที่หัวหินในรูปแบบใหม่ ซึ่งเราเน้นเพิ่มเติมสิ่งที่เล่าเรื่องหัวหินในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์นั่งรถไฟจำลองอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน “อินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน เอ็กซ์เพรส” รถไฟขนาดเล็กสีแดง ที่จะนำส่งนักท่องเที่ยวจากหน้าล็อบบี้ไปห้องพัก หรือนำเสนอบริการพิเศษ เช่น การให้บริการซันเซส อาฟเตอร์นูนที หรือเช่าแต่งงานบนขบวนรถไฟ เป็นต้น
รวมถึงประสบการณ์ทานอาหารเช้ารูปแบบใหม่ ที่ห้องอาหารภิรมย์ เพิ่มเติมในส่วนของรถเข็นขายอาหารที่ตั้งใจจำลองบรรยากาศตลาดโต้รุ่งหัวหิน รวมถึงนำเสนอเมนูอาหารถิ่นของหัวหินซึ่งเป็นที่รู้จักอยู่ในไลน์บุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่จะดีมากในหัวหิน มีทั้งอาหารท้องถิ่นและอาหารนานาชาติที่เยอะและหลากหลายมาก
หรือจะเป็นประสบการณ์ในการทานอาหารไทย สไตล์ชาววังเสิร์ฟแบบไฟน์ไดนิ่งที่ห้องอาหารจรัส ที่ได้สูตรมาจากคุณย่า (จรัสพิมพ์ ลิปตพัลลภ) โดยเฉพาะเมนูห่อหมก หรือประสบการณ์ทานอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนและอาหารทะเลสดๆริมทะเล ที่ห้องอาหารอซัวร์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตามแม้หัวหินจะมีการแข่งขันค่อนข้างสูง และการท่องเที่ยวในภาพรวมอาจจะยังไม่กลับมา 100% แต่ที่หัวหินเรามีจุดแข็ง คือการมีธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งสวนน้ำ รวมถึงทรูอารีน่า และโรงแรม
ทำให้เรา Synergy ระหว่างธุรกิจกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำแพ็คเกจ หรือการทำตลาด ซึ่งตรงนี้เป็นจุดเด่นที่ผู้ประกอบการรายอื่นในหัวหินอาจจะยังทำไม่ได้ดีเท่าเรา อย่างมาพักที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลหัวหิน นักท่องเที่ยวก็สามารถไปเล่นสวนน้ำวานานาวา หรือไปเล่นเทนนิสที่ทรูอารีน่าได้ ซึ่งก็จะมีชัตเตอร์บัสไปส่ง
หัวหินวันนี้มีโรงแรมระดับ 5 ดาวเกิดขึ้นมากกว่าในอดีตเมื่อ 15 ปีที่แล้ว และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ทำให้หัวหินกลายเป็นเดสติเนชั่นที่ลักชัวรีมากขึ้น ราคาขายห้องพักก็สูงขึ้น
ทั้งนี้เราหวังว่าหลังการปรับโฉมใหม่นี้ จะทำให้ราคาขายห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 15% จากปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 60%ปลายๆ เนื่องจากหัวหินเป็นตลาดคนไทยกว่า 60% และต่างชาติอยู่ที่ราว 30% จากที่เราสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าได้เพิ่มขึ้น
การใช้เทคโนโลยี CRM โปรแกรมใหม่ จากฐานลูกค้าที่เรามีอย่างเข้มแข็งจากการเปิดให้บริการมากว่า 15 ปี มาสร้างโอกาสในการขายทำให้มีลูกค้ามาซ้ำมาก จากที่เรารู้ว่าลูกค้าแต่ละคนชอบอะไร เราสามารถนำเสนอกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการ ประกอบกับระบบการคมนาคมจากกรุงเทพสู่หัวหินก็มีทิศทางที่ดีขึ้น
เพราะรถไฟรางคู่เปิดให้บริการแล้ว มอเตอร์เวย์ทางด่วนก็เริ่มก่อสร้างจากนครปฐมมายังชะอำ ที่จะมีการก่อสร้างเป็นช่วงๆ แค่ทางด่วนช่วงดาวคะนอง ปากท่อ แล้วเสร็จก็จะช่วยได้ระดับหนึ่ง จากการที่ไม่ต้องปิดถนนพระราม 2 และยังมีแนวโน้มการเปิดบินตรงจากต่างประเทศเข้าหัวหิน เพราะมีการขยายรันเวย์หัวหินเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งก็มีข่าวว่าแอร์เอเชียมีแผนเปิดบินจากฮ่องกงหรือสิงคโปร์เข้าหัวหิน
รวมไปถึงการโฟกัสพาร์ทเนอร์ชิพที่เป็นธุรกิจโลคัล เน้นซีเอสอาร์ สร้างรายได้ให้กับชุมชนที่หัวหินด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสั่งวัตถุดิบอาหารบางรายการจากท้องถิ่น อย่าง มอสซาเรลล่าชีส ก็ทำมาจากหัวหิน หรือโครงการหลวง การร่วมกับเอสเอ็มอีท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งตลาดหัวหินเป็นกลุ่มแฟมมิลี่เป็นหลัก แต่การจับตลาดของเราจะต่างจากที่อื่น
เพราะอย่างที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน เรามองลูกค้าไว้ที่ 3 เจนมาเที่ยว ทั้งปู่ย่า พ่อแม่ และหลานก็มาเที่ยวพร้อมกัน การออกแบบเราจึงเน้นรองรับทุกเจเนอเรชั่น และมีบรรยากาศที่เงียบสงบ เนื่องจากโรงแรมมี 2 ฝั่ง ฝั่งบลูพอร์ตก็จะเน้นรองรับลูกค้ากลุ่มครอบครัว และเป็นฝั่งที่เป็น Pet Friendly ส่วนฝั่งที่ติดทะเล จะเงียบสงบและร่มรื่น มีการจัดโซนโดยไม่มีการรบกวนซึ่งกันและกัน
อีกทั้งเรายังมองการลงทุนโรงแรมบริเวณติดกับสวนน้ำอันดามันดา ภูเก็ต โดยขณะนี้อยู่ระหว่างประเมินรูปแบบการลงทุนใหม่ทั้งหมด ทั้งในแง่ของดีไซน์ ขนาดห้องพักจะเป็นแบบไหน จะเป็นโรงแรมระดับไหน เรทราคาห้องพักควรจะเป็นเท่าไหร่ เน้นตลาดกลุ่มไหน
รวมถึงศึกษาแบรนด์ที่จะใช้ในการบริหารโรงแรมใหม่ด้วย ซึ่งจะเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว เนื่องจากแบบเดิมที่เคยจะสร้างเป็นโรงแรมฮอลิเดย์ ภูเก็ต ออกแบบมาตั้งแต่ปี 2559 มาเจอโควิดเราก็ชลอโครงการไป และตอนนี้หลังโควิดธุรกิจเปลี่ยนไปเยอะ เราต้องมาออกแบบใหม่ทั้งหมด
ก่อนหน้านี้เป็นทฤษฎีว่าใครจะมาเที่ยวสวนน้ำบ้าง เดิมเราจึงมองว่าเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวเป็นกลุ่มหลัก แต่พอสวนน้ำอันดามันดาเปิด เห็นชัดเจนว่าทฤษฏีที่เรามองไว้แต่แรกก็อาจจะไม่ถูก 100% เพราะพอเปิดกลายเป็นว่าตลาดครอบครัวอยู่ที่ 50% ไม่ได้เยอะเหมือนตอนแรกที่เราคิดไว้
เพราะก็มีตลาดอื่นมาผสมผสานกัน เช่นกลุ่มเพื่อนที่มาเที่ยวเยอะ และทุกคนพร้อมใจขับรถจากทั่วเกาะภูเก็ตมาเที่ยวสวนน้ำทั้งวัน จากเดิมที่เราคิดว่าคนที่อยากเล่นสวนน้ำจะมานอนโรงแรม เราจึงต้องพยายามหาจุดขายนอกจากสวนน้ำแล้ว ในโรงแรมควรจะมีอะไรให้คนอยากมาอยู่ที่นี่
รวมถึงความนิยมของเมืองเก่าภูเก็ต ก็เป็นตัวช่วยที่ดีให้แก่ธุรกิจโรงแรมด้วย อย่างของเราโลเคชั่นนี้ไม่ได้ติดทะเล แต่ก็ไม่ไกลจากเมืองเก่าภูเก็ต เลยดูเรื่องประสบการณ์ที่จะเพิ่มเข้าไป การดีไซน์มีการเปลี่ยนนิดหน่อย คาดว่าโรงแรมติดสวนน้ำภูเก็ตจึงน่าจะลงทุนได้ในปีหน้า
คุณพราว ยังฉายภาพให้เห็นอีกว่า ตลาดนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสวนน้ำในภูเก็ต กับสวนน้ำที่หัวหินก็มีความแตกต่างกัน โมเดลสวนน้ำที่หัวหิน จะเป็นคนไทยเกือบทั้งหมด เป็นคนกลุ่มเดิมมาซ้ำๆ เป็นพฤติกรรมที่จะเห็นว่า กลุ่มครอบครัว เรามีแฟนคลับทุกปิดเทอม จะพาลูกมาที่นี่ มานอนฮอลิเดย์อินน์ หัวหิน และมาเล่นสวนน้ำ เพราะลูกชอบ
แต่ของภูเก็ตเป็นต่างชาติเยอะทุกคนมาเที่ยวครั้งแรก เลยอาจจะขายง่ายกว่าในบางแง่ ที่ของใหม่จะขายได้มากกว่าของเก่า ซึ่งก็ได้รับการตอบรับดีกว่าที่คาดไว้ โดยเราตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวมาเที่ยวสวนน้ำที่ภูเก็ตอยู่ที่ 3.5 แสนต่อปี แต่เราปิดได้ถึง 5 แสนคนในปีที่แล้ว และด้วยความเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติก็มีการใช้จ่ายเยอะ นอกจากค่าตั๋ว ก็มีการใช้จ่ายด้านอาหารและการซื้อสินค้าก็จะดีกว่าสวนน้ำที่หัวหิน
นอกจากนี้พราวกรุ๊ป ยังจะลงทุนส่วนต่อขยายของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต โดยล่าสุดเพิ่งซื้อที่ดินเพิ่มมาอีก 2 ไร่ ที่จะสร้างห้องพักเพิ่มขึ้นในหลักสิบห้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบ ที่จะเป็นต้องพักบนตึกสูง 12 เมตร เริ่มก่อสร้างปีนี้ คาดว่าไม่น่าเกิน 2 ปีจะแล้วเสร็จ
ขณะเดียวกันเรายังมีที่ดินติดหาดอยู่บริเวณอ่าวพังกา บนสมุย ซึ่งเป็นแลนด์แบงก์ ก็ศึกษาอยู่ว่าสามารถจะสร้างโรงแรมได้ แต่จะเริ่มสร้างเมื่อไหร่ ต้องดูจากสถานการณ์ของตลาดนักท่องเที่ยวสมุยด้วย เนื่องจากการเดินทางมาสมุยที่สะดวกที่สุดคือการเดินทางโดยเครื่องบิน
การพัฒนาโรงแรมของพราวกรุ๊ปเราเน้นการสร้างเองตั้งแต่ต้น เพราะชอบออกแบบสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า ถ้าเราไปซื้อคนอื่นมาทำการปรับเปลี่ยนอะไรก็จะยาก นั่นเอง