KEY
POINTS
ความคืบหน้าการเปิดบ่อน "กาสิโนถูกกฎหมาย" ใน "สถานบันเทิงครบวงจร" หรือ "Entertainment Complex" เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่และเพิ่มเติมรายได้เข้าประเทศ
หลังจากสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน
ล่าสุดเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2567 ที่ผ่านมา คณะอนุกรรมาธิการด้านกฎหมายสถานบันเทิงครบวงจรได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... เพื่อเสนอประกอบรายงานผลการพิจารณาศึกษาญัตติ เรื่อง ศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาในวันที่ 28 มีนาคม 2567 เรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย 10 หมวด 69 มาตรา ประกอบด้วยหลักการสำคัญ คือ 1. การจัดองค์กร และ 2. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ดังนี้
ด้านการจัดองค์กร ได้กำหนด ให้มีคณะกรรมการขึ้นมา 2 คณะ คือ "คณะกรรมการนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร" และ "คณะกรรมการบริหารสถานบันเทิงครบวงจร" โดยมี "สำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร(กธบ.)" ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ
คณะกรรมการนโยบายการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีองค์ประกอบ คือ มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ รองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นรองประธานกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากนักวิชาการหรือตัวแทนภาคประชาสังคม จำนวนไม่เกิน 4 คนเป็นกรรมการ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คณะกรรมการฯ มีหน้าที่และอำนาจ ในการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร การอนุมัติ และเพิกถอนใบอนุญาตกำหนดพื้นที่ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร กำหนดลักษณะประเภทของธุรกิจ พนักงานและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับอนุญาตในสถานบันเทิงครบวงจร กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาต และอัตราค่าธรรมเนียม กำหนดหลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ฯลฯ รวมถึง ปฏิบัติการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ หรือตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นต้น
คณะกรรมการบริหารสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เรียกว่า คณะกรรมการบริหาร ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งคณะกรรมการนโยบายแต่งตั้งจำนวนไม่เกิน 4 คน เป็นกรรมการ มีปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปลัดกระทรวงมหาดไทย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นกรรมการ
คณะกรรมการบริหารสถานบันเทิงครบวงจร มีอำนาจที่สำคัญคือ พิจารณาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร กำหนดดูแลการปฏิบัติงานแผนการดำเนินงาน ค่าใช้จ่ายของข้าราชการในสำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร(กธบ.) รวมถึงการทำหน้าที่บริหาร “กองทุนป้องกันและฟื้นฟูผลกระทบจากการประกอบธุรกิจสถานบันเทิง”
“สำนักงานกำกับการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” หรือ “สำนักงาน กธบ” จะมีสถานะเป็น “นิติบุคคล” ที่เป็นหน่วยงานของรัฐ แต่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น มี “เลขาธิการ” โดยการแต่งตั้งของคณะกรรมการนโยบายฯ โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบ
ด้านการประกอบธุรกิจใน "ร่าง พ.ร.บ.กาสิโน" ได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ กาสิโนถูกกฎหมาย ทั้งหลักเกณฑ์การออกใบอนุญาต ประเภทของใบอนุญาตจำนวนใบอนุญาต ระยะเวลาของใบอนุญาต การกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาต เงื่อนไขการเปลี่ยนเจ้าของใบอนุญาต บทกำหนดโทษ และการเพิกถอนใบอนุญาต โดยการประกอบธุรกิจ
เบื้องต้นในร่างกฎหมายของกมธ.กำหนดให้สถานบันเทิงครบวงจรต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐบาลผ่านการประมูลใบอนุญาต (License) อายุ 20 ปี ต่อใบอนุญาตได้คราวละไม่เกิน 5 ปี
นอกจากนี้กมธ.ยังเห็นว่า การเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย ควรตั้งอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่คณะกรรมการ นโยบายประกาศกำหนด เบื้องต้นกมธ.เห็นว่าควรตั้งอยู่ในรัศมีไม่เกิน 100 กิโลเมตรจากสนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา ครอบคลุม 17 จังหวัด ภาคกลางและภาคตะวันออก รวมถึงพื้นที่จังหวัดที่เป็นท่องเที่ยวหลัก จำนวน 22 จังหวัด และพื้นที่ตามแนวชายแดนรวม 22 จังหวัด
ส่วนคุณสมบัติของผู้ประกอบการที่จะจัดตั้งกาสิโนถูกกฎหมาย ต้องเป็น “นิติบุคคล” จดทะเบียนในไทย มีทุนจดทะเบียนซึ่งชำระเต็มไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท พร้อมแผนผังบริเวณ-อาคาร รูปแบบ-แผนประกอบธุรกิจ โครงสร้างองค์กร กรรมการ-ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น แหล่งเงินทุน
"สำหรับการจะเปิดให้มีสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)ในประเทศไทยนั้น ในด้านการลงทุนและการหารายได้เข้ารัฐ อาจให้มีใบอนุญาตในหลาย ๆ ประเภทแบ่งตามมูลค่าการลงทุน ได้แก่ size S, M, L และ XL ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ในระยะแรกใบอนุญาตควรมีประเภทเดียว ได้แก่ ใบอนุญาต size XL มูลค่าการลงทุนขั้นต่ำ 100,000 ล้านบาท
การให้ใบอนุญาต size อื่น ๆ จะมีการพิจารณาเป็นลำดับถัดไป หากการอนุญาตชุดแรกประสบความสำเร็จ ทั้งนี้เพื่อดึงดูดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีคุณภาพ และมาตรฐานสูงลงทุนในประเทศไทยก่อนอันเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้กับสถานบันเทิงครบวงจรประเภทอื่น ๆ ที่จะตามเข้ามาในอนาคต" รายงานกมธ..ระบุ
สำหรับประเภทธุรกิจของสถานบันเทิงครบวงจร ที่จะอนุญาตให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย กำหนดไว้ 12 ประเภท ได้แก่
ในรายงานของกมธ. ยังได้เสนอแนวคิดในการจัดเก็บ "ภาษีกาสิโน" โดยคิดจากรายได้ขั้นต้นจากการเล่นพนัน (Gross Gambling Revenue; GGR) กล่าวคือ รายได้หลังการหักค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ผู้ประกอบการได้จากผู้เล่นที่วางเดิมพันในอัตรา 17%
ขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรมสรรพากรได้เสนอโมเดลการจัดเก็บ 3 ขั้น
ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มจะได้รับการยกเว้น
รายงานของกมธ. ยังเสนอให้กำหนดหลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้เข้าใช้บริการ (Entry levy) การป้องกันกลุ่มเปราะบางเข้าใช้บริการ ซึ่งประเทศไทยควรใช้การเก็บภาษีการเข้าใช้บริการ เนื่องจากเป็นวิธีที่สะดวกในการปฏิบัติ และมีประสิทธิภาพในการป้องกันกลุ่มคนเปราะบางเข้าใช้บริการ ทั้งนี้การเก็บภาษีการเข้าใช้บริการควรกำหนดในอัตราที่เหมาะสมกับฐานรายได้ของคนไทย และเก็บแค่บุคคลที่มีสัญชาติไทย
โดยตัวอย่างอัตราการเก็บในประเทศอื่น ๆ เช่น ประเทศสิงคโปร์จัดเก็บที่อัตรา 4,500 บาทต่อวัน ประเทศญี่ปุ่นที่อัตรา 1,300 บาทต่อวัน เป็นต้น ซึ่งนอกจากการกำหนดอายุ และการป้องกันกลุ่มคนเปราะบางแล้ว ควรมีการกำหนด Negative list อื่น ๆ เพื่อป้องกันบุคคลต้องห้ามกลุ่มอื่น ๆ เข้าใช้พื้นที่กาสิโนตามมาตรฐานสากล เช่น บุคคลซึ่งศาลสั่งห้ามเข้า บุคคลซึ่งถูกสมาชิกในครอบครัวร้องขอให้ห้ามเข้า เป็นต้น
นอกจากนี้ในร่างกฎหมายยังเสนอให้มีการจัดตั้งจัดตั้งกองทุนเพื่อลดผลกระทบจากการพนันและสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร การเล่นการพนัน การส่งเสริมการศึกษาและการสาธารณสุข การสนับสนุนกิจกรรมสร้างเสริมคุณธรรมและจริยธรรมของประชาชน ในด้านที่เกี่ยวข้องกับการพนัน
รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวกับการพนันผิดกฎหมาย และการรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ตั้งสถานบันเทิงครบวงจร โดยจัดสรรเงินรายได้จากธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรและการพนันเข้ากองทุน มีคณะกรรมการเป็นผู้ดูแลและบริหารจัดการกองทุนดังกล่าว มีตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วนร่วมกันพิจารณาใช้เงินกองทุนเพื่อการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว