นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า ประเทศไทยก็ถือได้ว่าเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก ส่งผลให้มีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่หลากหลาย และกระจายไปทุกตลาดการท่องเที่ยว โดยหนึ่งในตลาดเฉพาะทาง (Niche Market) ที่เติบโตในระดับสูง ก็คือ การท่องเที่ยวกลางแจ้งทั้งการเล่นกอล์ฟ การดำน้ำ และกิจกรรมท่องเที่ยวและกีฬากลางแจ้ง ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น
โดยนักท่องเที่ยวทั้ง 3 กลุ่มนี้ ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวเป้าหมายของรัฐบาล ที่มียอดการใช้จ่ายต่อหัวสูง และมีระยะเวลาการท่องเที่ยวที่ค่อนข้างยาวกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป จึงได้มีการจัดงาน “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” งานแสดงสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่เป็นการรวม 3 งานแสดงสินค้าที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของการท่องเที่ยว ทั้งด้านกีฬากอล์ฟ ดำน้ำ และท่องเที่ยวแนวกิจกรรมกลางแจ้ง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.00-20.00 น. ณ ฮอลล์ 5-6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งแต่ปีแรกของการจัดงาน ทำให้งานนี้ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้เตรียมจัดเต็มงานแสดงสินค้า ทั้งโปรโมชั่นสินค้าท่องเที่ยว และกิจกรรมภายในงาน หลังปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก ซึ่งกระแสท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ในปี 2567 นี้ ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปีนี้ครบรอบ 20 ปีของงาน "Thailand Dive Expo” ด้วย ดังนั้นจึงต้องรวบรวมสินค้าแบรนด์ชั้นนำและแบรนด์ยอดนิยม มาจัดแสดงให้มากที่สุด ครบที่สุด พร้อมโปรโมชั่นที่พิเศษที่สุด เพื่อตอบโจทย์ได้ตรงความต้องการของกลุ่มนักท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ภายในงานจะมีผู้ประกอบการเข้าร่วมงานกว่า 500 บูธ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 25% ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการต่างชาติประมาณ 20% สำหรับการจัดงานครั้งนี้ ได้มีแบรนด์ดังเข้ามาร่วมเป็นจำนวนมาก พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษที่มีส่วนลดสูงถึง 80% และมีกิจกรรมต่างๆ ให้เข้าร่วมอย่างมากมาย คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวและผู้สนใจทั่วไปเข้ามาร่วมงานไม่น้อยกว่า 55,000 คน และมียอดซื้อขายภายในงานและต่อเนื่องไปในอุตสาหกรรมนี้กว่า 200 ล้านบาท โดยงานนี้นับเป็นหนึ่งในกลไกส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ และขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยได้เป็นอย่างดี ไทยขึ้นแท่นผลิตนักดำน้ำมืออาชีพเบอร์ 1 ของเอเชีย Thailand Dive Expo คอมมูนิตี้เสริมแกร่งตลาดเที่ยวดำน้ำไทย พร้อมตอกย้ำความสำเร็จ 20 ปี
ไฮไลท์งาน “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024”
การจัดงานครั้งนี้ จะพบกับ 3 งานใหญ่ ได้แก่ งานแรก คือ งาน "Thailand Dive Expo :TDEX" มหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวดำน้ำครบวงจร เป็นการรวบรวมสินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวดำน้ำ ตั้งแต่คอร์สเรียนไปจนถึงทริปดำน้ำทั้งในและต่างประเทศ รีสอร์ทใกล้แหล่งดำน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำอุปกรณ์เสริมแบรนด์ดัง อุปกรณ์ถ่ายภาพ ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีการเสวนา “TDEX Diver’s Talk” ในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น เทคนิคการถ่ายภาพใต้น้ำ การดำน้ำกับวาฬออร์กา ฯลฯ นิทรรศการภาพถ่ายใต้น้ำจากการประกวด “TDEX Underwater Photo Contest ครั้งที่ 17” และคลิปวิดีโอใต้น้ำจากการประกวด “TDEX Underwater Moment VDO Contest” ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีแรก เพื่อชิงรางวัลรวมมูลค่ากว่า 300,000 แสนบาท โดยมีผู้ส่งภาพเข้าประกวดรวมกว่า 600 ภาพ และ 130 คลิปวิดีโอ และจะประกาศผลผู้ชนะในพิธีเปิดงาน
รวบรวมผู้ประกอบการในธุรกิจดำน้ำมาร่วมจัดงานมากกว่า 285 บูธ และสุดยอดอุปกรณ์ดำน้ำจากแบรนด์ชั้นนำ กล้องถ่ายภาพและวิดีโอใต้น้ำพร้อมคำแนะนำจากมืออาชีพ สถาบันสอนดำน้ำที่ได้มาตรฐาน ทริปดำน้ำ บริการเรือ Liveaboard และ Dive site สวย ๆ ที่พักสุดคุม และอื่น ๆ อีกเพียบ ในราคาโปรโมชั่นสุดพิเศษ
ในช่วงหลังจากสถานการณ์โควิด นักท่องเที่ยวดำน้ำ ก็ยังทำกิจกรรมดำน้ำเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าในปี 2566 ตลาดดำน้ำในไทย โดยเฉพาะ โรงเรียนสอนดำน้ำ ร้านขายอุปกรณ์ดำน้ำ และเรือท่องเที่ยวดำน้ำ มีมูลค่าตลาดรวมถึง 1,330 ล้านบาท
ปัจจุบัน เรือท่องเที่ยวดำน้ำที่เปิดให้บริการในประเทศไทยทั้งฝั่งทะเลอันดามันและฝั่งทะเลอ่าวไทย มี 2 ประเภทคือ ประเภทกินนอนบนเรือ (Live aboard) และเรือดำน้ำแบบเช้าไปเย็นกลับ (Day Trip) เรือท่องเที่ยวดำน้ำทั้ง 2 ประเภท มีรายได้เฉลี่ยประมาณ 380 ล้านบาทต่อปี
ในส่วนของการเรียนการสอนดำน้ำ ประเทศไทยถือเป็นประเทศหนึ่งที่มีผู้ที่สนใจเรียนดำน้ำจากทั่วโลก เดินทางเข้ามาเรียนและสอบจนสำเร็จเป็นนักดำน้ำ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเรียนในพื้นที่ เกาะเต่า/ สมุย/ ภูเก็ต/ กระบี่/ พัทยา จนทำให้ยอดการผลิตนักดำน้ำที่เรียนจบจากประเทศไทยในหลักสูตรต่างๆ ขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียโดยในปี 2023 คาดว่ามีผู้ที่เรียนดำน้ำจบจากประเทศไทยเป็นจำนวนกว่า 20,000 คน โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท (*ตัวเลขจำนวนผู้เรียนดำน้ำ อ้างอิงจากการออกใบรับรองของ PADI ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันรับรองการดำน้ำที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด)
ทั้งนี้ ปัจจุบันราคาตลาดของอุปกรณ์ดำน้ำในเมืองไทย เป็นราคาที่ค่อนข้างดี ไม่แพงมากนัก และในบางช่วงเวลา อาจจะถูกกว่าซื้อในต่างประเทศ โดยคาดว่าในปี 2567 ยอดขายรวมของธุรกิจดำน้ำในประเทศไทย จะเพิ่มสูงขึ้น
งานที่สองคือ "Thailand Golf Expo 2024" ปีนี้นับเป็นปีที่ 10 ของการจัดงาน เป็นการสานต่อความสำเร็จของการจัดงานในปีที่ผ่านมา ซึ่งช่วยสนับสนุนธุรกิจท่องเที่ยวเชิงกีฬากอล์ฟอย่างต่อเนื่อง ประชาสัมพันธ์กอล์ฟรีสอร์ตและสนามกอล์ฟของประเทศไทยไปยังกลุ่มผู้ซื้อ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีกิจกรรมแข่งขันพัตต์กอล์ฟ “1 พัตต์ 1 แสน” ซึ่งเป็นกิจกรรมไฮไลต์ของงานนี้ มาท้าทายฝีมือการพัตต์ของนักกอล์ฟทุกรุ่น และกิจกรรม “Swing Quick Fix” กับเครื่อง Golf Simulator ที่จะช่วยนักกอล์ฟปรับวงสวิงให้ตีกอล์ฟได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ประเทศไทยมีจำนวนสนามกอล์ฟอยู่ประมาณ 200 กว่าแห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นสนามกอล์ฟของภาคเอกชนที่เปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ประมาณ 160 แห่ง อีก 40 แห่งเป็นสนามกอล์ฟของหน่วยงาน ราชการและรัฐวิสาหกิจ ซึ่งสนามกอล์ฟของประเทศไทย เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากราคาค่าบริการสนามกอล์ฟในประเทศไทยมีราคาที่ถูกกว่าในหลายประเทศ อีกทั้งการให้บริการของสนามกอล์ฟมีคุณภาพและได้มาตรฐาน จึงเป็นที่ดึงดูดให้นักกอล์ฟชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาเล่นกอล์ฟกันมากขึ้น ประกอบกับความนิยมในการเล่นกอล์ฟที่มีมากขึ้น ธุรกิจสนามกอล์ฟยังคงมีแนวโน้มเติบโตในอัตราไม่ต่ำกว่า 10% ตามกระแสนิยมกีฬากอล์ฟที่ยังมาแรงในกลุ่มนักกอล์ฟคนไทย โดยเฉพาะตลาดครอบครัว ทำให้ตลาดนักกอล์ฟคนไทยขยายตัวกว้างขวางครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่กลุ่มเยาวชนไปจนถึงกลุ่มผู้สูงอายุ
งานที่สามคืองาน "Outdoor Fest 2024" ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 เป็นโปรไฟล์ที่ขยายออกมา เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวกลางแจ้ง ทั้งทางบก น้ำ และอากาศ โดยจะมีผู้ประกอบการชั้นนำจากไทยและต่างประเทศ ยกขบวนเข้ามาจำหน่ายอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง เดินป่า โดรน SUP Board Surfboard เจ็ทสกี คายัค ที่พักรีสอร์ต รวมถึงแพ็กเกจกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัยและกิจกรรมกลางแจ้งมาไว้ในงานครั้งนี้ โดยกิจกรรมการท่องเที่ยวกลางแจ้ง การผจญภัย การท่องเที่ยวทางเลือก และการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมาก และตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงตามความก้าวหน้าของตลาดในด้านเทคโนโลยี และการโฆษณา จึงทำให้การท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความเปลี่ยนแปลงตามความต้องการของตลาดที่รวดเร็ว ทำให้ในการจัดงาน Outdoor Fest 2024 ในครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญที่เปิดให้นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวกลางแจ้ง ได้เลือกซื้อสินค้าในเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด
โดยการจัดงาน Outdoor Fest 2024 จะระดมร้านค้าในธุรกิจนี้อย่างครบวงจรที่ตรงตามเป้าหมายของทุกกลุ่มนักท่องเที่ยวกลางแจ้ง พร้อมด้วยข้อเสนอดีที่สุดของกลุ่มสินค้าที่หลากหลาย รวมทั้งการสัมผัสประสบการณ์กิจกรรมผจญภัย และอื่นๆ อีกมากมาย เช่น เสวนาบนเวทีกับ Travel Influencer, นักเดินทางสายอนุรักษนิยม, ช่างภาพชื่อดัง และร่วมลุ้นโชคที่จะแจกรางวัลมากมายภายในงาน
ด้านนางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยว เดือน ม.ค.-มีนาคม 2567 จำนวน 89,225,989 ล้านคน-ครั้ง จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทย 67,990,479 ล้านคน-ครั้ง จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 21,235,510 ล้านคน-ครั้ง สำหรับในปี 2567 ททท. มุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง ส่งเสริมการท่องเที่ยววันธรรมดา และจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้ เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน ผ่าน Soft Power ประเทศไทย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพอย่างยั่งยืน จึงมุ่งเน้นสร้างการรับรู้และนำเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยว ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กับกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันกิจกรรมกลางแจ้งได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ กิจกรรมทางน้ำ แคมป์ปิ้ง และกิจกรรมกอล์ฟ โดยหลายพื้นในประเทศไทยสามารถตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี อาทิ ภาคใต้มีหมู่เกาะต่าง ๆ เป็นที่นิยมสำหรับการดำน้ำ ทั้งดำน้ำตื้น ดำน้ำลึก และ Free Dive ส่วนสนามกอล์ฟที่มีมาตรฐานชั้นนำหลายๆ แห่ง กระจายตัวอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ อีกทั้งการท่องเที่ยวกลางแจ้งแบบแคมป์ปิ้งได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นอย่างสูง
สำหรับการจัดงาน Thailand Golf & Dive Expo plus Outdoor Fest 2024 นั้น ททท. ได้ให้การสนับสนุนบริษัท เอ็น.ซี.ซี.ฯ ในการจัดงานดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความพร้อมและศักยภาพของสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เกิดจากการซื้อขายแพ็กเกจท่องเที่ยว อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ยังสามารถกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนท้องถิ่นด้วยการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ในพื้นที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ ยังสอดแทรกแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมแก่นักท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดความยั่งยืนได้อีกด้วย การจัดงานในครั้งนี้จะสามารถสร้างมูลค่าทางการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี คาดว่าจะมีการซื้อขายจำนวน 26,874 แพ็กเกจ และสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวประมาณ 200 ล้านบาท
ขณะที่นางสาวสุทธิวรรณ อมาตยกุล ผู้อำนวยการฝ่ายเพิ่มมูลค่าผลผลิตและออกแบบผลิตภัณฑ์ SMEs สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) กล่าวว่า ในการส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญของ ISMED เนื่องจากเป็นธุรกิจที่กระจายรายได้ไปยังทุกภาคส่วนลงลึกถึงฐานราก และมีผู้ที่เกี่ยวข้องอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในการจัดงาน “Thailand Golf & Dive Expo plus OUTDOOR Fest 2024” ถือได้ว่าเป็นการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยว ที่กระจายไปสู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และยังเป็นตลาดการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพสูง