นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมจะปิดตัวโครงการ “72 สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาไทย” หรือ 72 Must Do In Thailand ช่วงต้นเดือนกรกฏาคม 2567 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซันนี้
โครงการ 72 Must Do In Thailand จะมีการคัดสรรกิจกรรมในแต่ละประเภท รวมออกมาเป็น 72 สิ่งที่เมื่อมาเมืองไทยต้องทำอะไรบ้าง โดย
เบื้องต้นจะต่อยอดจากแนวคิด “5 สิ่งที่ต้องทำเมื่อมาไทย” (5 Must Do in Thailand) ได้แก่
อีกทั้งททท.เตรียมหารือกับภาคเอกชนท่องเที่ยวเพื่อจัดทำแคมเปญใหญ่ กระตุ้นไทยเที่ยวไทยท่องช่วงโลว์ซีซัน เช่น โครงการรถทัวร์ทั่วไทย เฟส 2 ซึ่งเป็นการสนับสนุนธุรกิจทัวร์และรถบัสนำเที่ยวของแต่ละภูมิภาค โปรโมตตลาดกลุ่มองค์กร ส่งเสริมให้มีการจัดทริปประชุมสัมมนาและดูงานนอกสถานที่ การสนับสนุนให้กำลังพลภาครัฐเดินทางเที่ยวในประเทศ ผ่านโปรโมชั่นต่างๆ
ขณะที่การกระตุ้นนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย ช่วงโลว์ซีซัน เนื่องจากเป็นช่วงที่ นักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง นิยมเดินทางเข้าไทยอยู่แล้ว เพราะชื่นชอบฤดูฝน โดยปัจจุบันยังไม่พบว่าได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ ททท.ผลักดันการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินจากตลาดใหม่ๆ ของภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง
ด้าน นักท่องเที่ยวยุโรป เนื่องจากปีนี้จะมีการจัดมหกรรมกีฬา โอลิมปิก 2024 ที่ประเทศฝรั่งเศส นักเดินทางทะลักกรุงปารีสจำนวนมาก ททท.จึงอยากจะเชิญชวนนักท่องเที่ยวยุโรปว่าสามารถติดตามการถ่ายทอดสดโอลิมปิกได้อย่างสบายใจที่เมืองไทย
นอกจากนี้ ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งมีเทศกาลหยุดยาว “วันชาติจีน” ททท.จะจัดแคมเปญ “หนีห่าว เฟสติวัล” อย่างยิ่งใหญ่ ในพื้นที่ไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางเข้ามา เช่น ย่านยาวราช หาดใหญ่ ภูเก็ต และราชบุรี
เป้าหมายการทำงานของ ททท. ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยไม่น้อยกว่า 35 ล้านคนในปีนี้ แต่จากการประเมินแนวโน้มล่าสุด คาดว่าจะทำได้ 39 ล้านคน ใกล้เคียงกับจำนวน 40 ล้านคนเมื่อปี 2562 ก่อนโควิดระบาด หนุนการสร้างรายได้รวมการท่องเที่ยว 3.5 ล้านล้านบาทตามเป้าหมายเชิงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุนจากนโยบาย Ignite Thailand ทั้ง 8 ด้านของนายกฯ เศรษฐา ที่จะช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวในปีนี้