นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า แม้จะเกิดความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน แต่สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทย ในตลาดระยะไกล โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง ขณะนี้ยังคงเดินทางมาเที่ยวไทย มีอัตราการขยายตัวต่อเนื่อง
ททท.ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง เที่ยวไทย ในปี 2567 อยู่ที่ 1.11 ล้านคน ขยายตัว 65.57% เทียบกับปี 2566 สร้างรายได้ 106,051 ล้านบาท เติบโต 79.31%
ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวจากอิสราเอล และอิหร่านก็ยังคงเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดดังกล่าวเช่นกัน แม้ว่าสายการบินอาจต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางบิน เพื่อบินอ้อมจุดเสี่ยงไปใช้ทางอื่นแทน
นายศิริปกรณ์ กล่าวต่อว่าหลังจากอิหร่านเปิดฉากโจมตีอิสราเอล ตอบโต้เหตุการณ์ที่สถานทูตอิหร่านในประเทศซีเรียถูกโจมตีจนมีนายทหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่อิหร่านเสียชีวิต 7 ราย เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2567 จากสถิติการเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยของตลาดอิหร่านและอิสราเอลในช่วงวันที่ 11 เม.ย. - 2 พ.ค. 2567 ที่ผ่านมา พบว่านักท่องเที่ยวทั้ง 2 ตลาดชะลอตัวลงจริงในวันที่ 13-15 เม.ย. ก่อนจะปรับเพิ่มสู่ปกติวันที่ 16 เม.ย.2567 เป็นต้นมา มีความต้องการ (ดีมานด์) ทั้งการเดินทางเข้าและการเดินทางออก
ททท.จึงมองว่าเหตุการณ์ความขัดแย้งนี้ส่งผลกระทบต่อ 2 ตลาดนักท่องเที่ยวนี้ในระยะสั้นเท่านั้น ไม่ได้ถึงขั้นน่าตกใจแต่อย่างใด อีกทั้งหากสายการบินทำการบินเป็นปกติ นักท่องเที่ยวก็จะไม่ตกค้าง และทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวได้ต่อเนื่อง
ขณะนี้สายการบินก็ยังทำการบินอย่างต่อเนื่อง อาทิ แอล อัล อิสราเอล แอร์ไลน์ส บินเข้าไทย ปลายทางกรุงเทพ จำนวน 6 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ภูเก็ต จำนวน 3 เที่ยวบินสัปดาห์ อัตราบรรทุกอยู่ที่ 90% ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องหล่อเลี้ยงไว้เพื่อไม่ให้นักท่องเที่ยวตกค้าง สามารถเดินทางไปมาระหว่างประเทศต้นทางกับประเทศไทยได้