จากกรณีเครื่องบินของสายการบิน สิงคโปร์ แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ 321 ลอนดอน-สิงคโปร์ ตกหลุมอากาศอย่างรุนแรง เหนือน่านฟ้าประเทศเมียนมา หรือพม่า เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บกว่า 100 คน ต้องขอลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ล่าสุดวันนี้ (วันที่ 29 พฤษภาคม 2567) สำนักข่าว BBC รายงานว่าสำนักงานสอบสวนความปลอดภัยการขนส่งของสิงคโปร์ รายงานผลการสอบสวนเบื้องต้นกรณีเครื่องบินโดยสารของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ 321 ลอนดอน-สิงคโปร์ ตกหลุมอากาศอย่างรุนแรง
โดยระบุว่า เครื่องบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ได้ตกหลุมอากาศอย่างรุนแรง จนเครื่องบินวูบตกลงไปประมาณ 178 ฟุต หรือ 54 เมตร ในเวลาแค่เพียง 4.6 วินาทีเท่านั้น
ตามรายงานเบื้องต้นของสำนักงานสอบสวนความปลอดภัยการขนส่งของสิงคโปร์ โดยอ้างข้อมูลจากกล่องดำ บันทึกข้อมูลด้านการบินและกล่องดำบันทึกเสียงในห้องนักบินว่า แรงโน้มถ่วงของโลก (G) ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วว่า เครื่องบินประสบกับแรงโน้มถ่วงหรือแรงจี (G) ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในช่วงเวลา 4.6 วินาที
ทำให้เครื่องบินตกวูบจากระดับเพดานบิน 37,362 ฟุต ลงไปอยู่ที่ 37,184 ฟุต ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเพดานบินอย่างรวดเร็วนี้ ดูเหมือนเป็นสาเหตุทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือที่ไม่ได้รัดเข็มขัดนิรภัย ได้รับบาดเจ็บ
ตามรายงานยังระบุด้วยว่า เครื่องบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ลำนี้ได้เผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวน เป็นเวลาประมาณ 17 นาที และนักบิน พร้อมทั้งนักบินผู้ช่วยสามารถควบคุมระดับเพดานบินจากระดับ 37,000 ฟุต อีกทั้งเครื่องบินไม่ได้เผชิญกับสภาพอากาศแปรปรวนอีก ระหว่างที่ขอเปลี่ยนเส้นทางบินไปลงจอดฉุกเฉินที่กรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม สำนักงานสอบสวนความปลอดภัยการขนส่งของสิงคโปร์ยังคงสอบสวนเหตุการณ์นี้ต่อไป หลังจากเหตุเครื่องบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ซึ่งมีผู้โดยสาร 211 คนและลูกเรือ 18 คน ตกหลุมอากาศอย่างรุนแรง ทำให้นายเจฟฟ์ คิตเช่น ผู้โดยสารชาวอังกฤษ วัย 73 ปี เสียชีวิตและสันนิษฐานว่าเนื่องจากหัวใจวายบนเครื่องบิน และมีผู้โดยสารและลูกเรือบาดเจ็บ 104 คนถูกนำส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลสมิติเวช ในกรุงเทพฯ
ดูรายละเอียดข่าวเพิ่มเติมจาก BBC คลิ๊ก