"เศรษฐา" เปิดงาน Bangkok Pride Festival 2024 ดันไทยเจ้าภาพ world pride 2030

วันนี้ (วันที่ 31 พ.ค.67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงาน Bangkok Pride Festival 2024 ณ ลานพาร์คพารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยนายกรัฐมนตรี ได้สวมเนคไทสีรุ้งพาสเทล มาร่วมงานด้วย

โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมาร่วมงานด้วย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่เราได้มาเฉลิมฉลองสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรจะมี ใครจะคิดว่า 3-4 ปีที่ผ่านมาจะมีคน 200,000 คน มาเดินพาเหรด และในวันพรุ่งนี้ก็จะมี คนจำนวน 200,000 คน มาแสดงออกถึงสิทธิพื้นฐานที่ควรจะมี จึงขอชื่นชมคณะผู้จัดงาน คณะ LGBTQ ทุกคนที่อดทนแบบไม่ควรจะอดทน แต่ก็อดทนกันมา ผลักดันกันมา พูดคุยในเวทีที่สร้างสรรค์ จนกระทั่งร่างพ.ร.บ. สมรสเท่าเทียมจะเกิดขึ้นแล้ว 

รัฐบาลจะเดินหน้าไปกับทุกคน จะไม่หยุดยั้งแค่ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม เรื่องคำนำหน้าชื่อ สิทธิประกอบอาชีพ เป็นเรื่องสำคัญ เป็นองค์ประกอบที่ทำให้ทุกคนได้รับสิทธิ์ ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เราไม่ได้มาเฉลิมฉลองแค่วันเดียว แต่ต้องการให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยั่งยืน ซึ่งเดือนมิถุนายนเราจะจัดเฉลิมฉลองกัน และในปี 2030 จะได้รับการไว้วางใจในการจัดงานเวิลด์ไพรด์ของโลกขึ้นมา และต้องสนับสนุนเรื่องเซ็กซ์เวิร์คเกอร์ให้ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า สิทธิที่จะมีความรัก เป็นสิทธิพื้นฐานของทุกคนที่ควรจะมี และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และขอให้ผู้จัดงานประสบความสำเร็จ ขอให้ชาวไพรด์ทุกคนประสบความสำเร็จในทุกเรื่องที่อยากจะได้ อยากจะเป็น รัฐบาลนี้ รวมถึงทุกพรรคร่วมรัฐบาลจะช่วยกันผลักดันอย่างเต็มความสามารถ ให้ทุกคนไปถึงในจุดที่อยากไป

ด้านนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  สนับสนุนเพื่อร่วมผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว LGBTQIAN+ ทั่วโลกอย่างยั่งยืน หรือ สนับสนุนกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่กำลังจะผ่านกระบวนการกฎหมายออกมาบังคับใช้ 

โดยขณะนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมผ่านการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว เหลือเพียงการพิจารณาของวุฒิสภา ในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้ และนำขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว นับไปอีก 120 วันกฎหมายก็จะมีผลบังคับใช้โดยสมบูรณ์

อีกทั้งกลุ่ม LGBTQIAN+ ถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง เป็นอีกหนึ่งแรงหนุนที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้แน่นอน นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายผลักดันประเทศไทย เป็น Pride Friendly Destination และเป็นเจ้าภาพจัด Bangkok WorldPride ในปี 2030 เพื่อให้ไทยเป็นแลนมาร์ค หรือหมุดหมายอันดับ 1 ของโลกของกลุ่ม LGBTQIAN+ ทั่วโลกด้วย”

สิ่งที่น่าสนใจคือกำลังซื้อของกลุ่ม LGBTQIAN+ ทั่วโลกนั้นไม่ควรถูกมองข้าม จากการสำรวจของ LGBT Capital ในปี 2020 ระบุว่า กำลังซื้อของกลุ่มนี้มีมูลค่าสูงถึง 3.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าตัวเลขนี้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้ 

เราเห็นความสำคัญของ Rainbow Economy ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง มีศักยภาพทางการเงิน ข้อมูลจาก ททท. พบว่ามี Spending Power สูงกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 40% และเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวจากกลุ่มนี้ราว 2.3 แสนล้านบาท มากเป็นอันดับ 1 ในเอเชีย และอันดับ 4 ของโลก จึงนับเป็นตลาดใหญ่ด้านการท่องเที่ยวของโลกอีกกลุ่มหนึ่ง    

ภายใต้ภารกิจของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปักหมุดหมาย ให้ประเทศไทยเป็น LGBTQIAN+  Friendly Destination อันดับต้นๆ ของโลก

ขณะที่บรรยากาศภายในงานมีการแสดง โชว์จาก Drag Bangkok และมีตัวแทนชุมชนความหลากหลายทางเพศ 5 คน กล่าวถึงการต่อสู้เพื่อคุ้มครองสิทธิ ก้าวสำคัญของการผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม และก้าวต่อไปเพื่อความเป็นธรรมทางเพศ

ส่วนวันพรุ่งนี้จะมีขบวนพาเหรด เริ่มตั้งขบวน ณ ลานหน้าอาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ตั้งแต่เวลา 14.00 น. ก่อนเดินขบวนบนถนนพระราม 1 มุ่งหน้าสู่ แยกราชประสงค์ รวมระยะทางกว่า 2.5 กิโลเมตร ประกอบไปด้วย 5 ขบวนหลัก 5 นิยามความรักที่เปิดกว้างให้ผู้เข้าร่วมตีความ แสดงออก และนำเสนอนิยามความรักในแบบของตัวเองเพื่อใช้ความรักนำทางสร้างสรรค์สังคมที่เท่าเทียม