ททท.กางแผน ท่องเที่ยวปี 2568 ปั๊มต่างชาติเที่ยวไทย 39 ล้านคน

10 ส.ค. 2567 | 08:36 น.
อัพเดตล่าสุด :10 ส.ค. 2567 | 10:54 น.

ททท.กางแผนขับเคลื่อนท่องเที่ยวปี 2568 ตั้งเป้าหมายองค์กร ที่จะสร้างรายได้ 3.4 ล้านล้านบาท ปั๊มต่างชาติเที่ยวไทย 39 ล้านคน ดันคนไทยเที่ยวในประเทศมากกว่า 205 ล้านคน-ครั้ง

การขับเคลื่อนท่องเที่ยวปี 2568 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าหมายองค์กร ที่จะสร้างรายได้ท่องเที่ยว 3.4 ล้านล้านบาท เป็นรายได้จากตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2.23 ล้านล้านบาท และรายได้จากตลาดในประเทศ 1.2 ล้านล้านบาท 

โดยในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยว ตั้งเป้าไว้ว่าในปีหน้า จะดึงคนไทยเที่ยวในประเทศมากกว่า 205 ล้านคน-ครั้ง และมีต่างชาติเที่ยวไทย อยู่ที่ 39 ล้านคน เพิ่มจากเป้าหมายการทำงานในปี 2567 ที่ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 35 ล้านคน

ทั้งนี้การดึงต่างชาติเที่ยวไทย หากเทียบสัดส่วนระหว่างตลาดระยะใกล้ และตลาดระยะไกล จะพบว่า ในด้านจำนวนนักท่องเที่ยว ตลาดระยะใกล้ คือ ตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ จะอยู่ที่ 28.3 ล้านคน ครองส่วนแบ่งตลาด คิดเป็นสัดส่วน 73 % 

ขณะที่ตลาดระยะไกล คือ ตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา อยู่ที่ 10.6 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 27 %

แผนขับเคลื่อนท่องเที่ยวปี 2568 ของททท. สำหรับในแง่ของรายได้จากการท่องเที่ยว ตลาดระยะสั้น จะอยู่ที่ 1.36 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 61% และตลาดระยะไกล อยู่ที่ 869,200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 39 %

เพิ่มรายได้เมืองน่าเที่ยว 7.5%

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ทิศทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวของททท.ในปีหน้า ในแง่เป้าหมายเชิงเศรษฐกิจ จะขับเคลื่อนการเติบโตรายได้ท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 7.5 % สูงกว่าการเติบโตของ GDP ประเทศไทยปี 2568 ถึง 1.7 เท่า

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์

โดยตลาดในประเทศททท. จะสานต่อการส่งเสริมเมืองน่าเที่ยว โดยใช้ City Marketing ค้นหาจุดขาย พลิกมุมมอง บอกเล่าเรื่องราว “เสน่ห์ไทย” ของแต่ละพื้นที่

การสร้างความแตกต่างและโดดเด่นสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับนักท่องเที่ยวได้เลือกเดินทางไปสัมผัสตามรสนิยมของแต่ละคน ภายใต้จุดขายแต่ละภาค เชื่อมโยงกันทั้งภูมิภาค หมุนเวียนกันไปจากเมืองสู่เมือง จากภาคสู่ภาค

พร้อมใช้ Big Events และ Local Events ทั้งประเพณี ดนตรีและกีฬา และนำเสนอกิจกรรมท่องเที่ยวที่ตรงใจ กระตุ้นการใช้จ่ายของ Sub-culture Segment พร้อมกับการนำเสนออัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่

ทำให้ประเทศไทยเป็นไฮซีซันตลอดทั้งปี (365 วันมหัศจรรย์เที่ยวเมืองรอง) โดยตั้งเป้าหมายเมืองน่าเที่ยว 2568 ไว้ว่าจะเพิ่มจำนวนผู้เยี่ยมเยือนในเมืองน่าเที่ยวขึ้นอีก 4 % จากปี 2567 และสร้างรายได้เพิ่มอีก 7.5% จากปี 2567

ท่องเที่ยว

สำหรับ “ตลาดต่างประเทศ” มุ่งผลักดันการเติบโตของตลาดศักยภาพ 23 ตลาดทั่วโลกที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยและสร้างรายได้มากกว่า 80% ของจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปี 2567 รวมถึงเพิ่มจำนวนตลาด 7 digits ให้ได้ถึง 13 ตลาดในปี 2568 

พร้อมสานต่อผลักดันการเพิ่ม Seat Capacity เข้าไทยทั้งการเพิ่มเที่ยวบินในเส้นทางบินปัจจุบัน เพิ่มเส้นทางบินใหม่ และขยายระยะเวลาการบิน ทั้ง Regular Flight และ Charter Flight ส่งเสริม “เมืองน่าเที่ยว” ที่มีศักยภาพพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว และ “เสน่ห์ไทย” ที่สอดคล้องกับความต้องการและรสนิยมของนักท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศ

อีกทั้งในปีหน้าจะเป็นปีท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ หรือ Amazing Thailand Grand Tourism Year ที่จะมีการจัดกิจกรรม และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรอย่างกว้างขวาง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวอีกด้วย

ตลาดเอเชีย โฟกัส 6 MOVE

สำหรับการกระตุ้นการท่องเที่ยวในตลาดระยะสั้น “นายฉัททันต์ กุญชร อยุธยารองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แผนการดำเนินงานปี 2568 ของตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ จะเดินหน้าใน 6 กลยุทธ์ ภายใต้ 6 MOVE ได้แก่

  • Overland Connectivity  

การเชื่อมโยงการเดินทางข้ามประเทศ ระหว่าง เวียดนาม ลาว มาเลเซีย และสิงคโปร์ สู่ไทย เพื่อเพิ่มระยะเวลาวันพักเฉลี่ยของนักท่องเที่ยว และโปรโมทเดสติเนชั่นเมืองน่าเที่ยว

  • Online Partners Collaboration

เน้นการทำงานร่วมกับพันธมิตรแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆระดับโลก ในการกระตุ้นตลาด

  •  Event Tourism

โดยเฉพาะด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ โดยส่งเสริมการจัดแฟนมีต คอนเสิร์ตในไทย ต่อยอดกระแสความนิยมซีรีย์ ภาพยนตร์ มิวสิค วีดีโอ ที่ถ่ายทำในไทย ดึงกลุ่มแฟนด้อมเที่ยวไทย

  • Content Creation

สนับสนุนตลาดให้เกิดความเชื่อมั่นและสร้างการรับรู้ประเทศไทย ผ่านโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ อาทิ ในปีหน้าททท.จะเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี ที่จะเชิญอินฟลูเอนเซอร์และเซเลบริตี้ชื่อดังระดับโลกเดินทางมาไทย

  • B2C Blitz

ส่งเสริมอีเว้นท์กิจกรรมด้านวัฒนธรรมย่อย หรือ Sub-Culture เพื่อสร้างเอนเกตเม้นท์ทั้งในไทยและกลุ่มเป้าหมายตลาดระยะสั้น

  • Shopping Alliance

เน้นผนึกพันธมิตรศูนย์การค้าต่างๆ นำเสนอความคุ้มค่าให้แก่นักท่องเที่ยว และส่งเสริมโปรดักซ์ซอฟต์เพาเวอร์ของไทย

ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา

สำหรับการเจาะกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยว จะเน้นเจาะเป็นกลุ่มเซ็กเม้นท์ในแต่ละตลาด ได้แก่ กลุ่ม Henry (คนมีรายได้สูง) Exquisite Mom, Parent & Child ,Celebration , Senior Romance , Mature Rich ,Incentive ,Gen Z, OYA Rich ,Plearn kids

ขณะเดียวกันยังมีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในปีหน้า อาทิ โครงการ Imakara Thaie ส่งเสริมให้ชาวญี่ปุ่นเที่ยวไทยกับพาสปอร์ตใบแรก นำเสนอขายกรุงเทพ อยุธยา เชียงใหม่ เน้นช่วงวันหยุดเทศกาล และปิดเทอมการศึกษา (พ.ค.และก.ค.-ส.ค. ปี 2568) โครงการAmazing Thailand Golf Tournament ดึงคนจีนมาตีกอล์ฟและเที่ยวในกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง

โครงการ Heaving Higher The Low season ดึงอินเดียเที่ยวกรุงเทพ พัทยา ภูเก็ต ช่วงโลว์ซีซัน โครงการ The Celebration with Care & Inner Shine เสนอขายพื้นที่กรุงเทพ หัวหิน ภูเก็ต พัทยา ดึงให้คนอินเดียมาจัดงานแต่งงานและเฉลิมฉลองในไทยช่วงโลว์ซีซัน โดย Wedding Planner จะได้รับบัตรโดยสารเครื่องบินชั้นธุรกิจ เป็นต้น

อีกทั้งนอกจากการเข้าร่วมงานเทรดโชว์ต่างๆ แล้ว ยังจะมีการจัดโรดโชว์ สำหรับตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ในปี 2568 อาทิ อาเซียน ทัวริซึม ฟอรัม 2025 การจัดงาน Amazing Thailand Road Show ที่ฮ่องกงและไต้หวัน เดือนมี.ค.,โรดโชว์เฉินตู เดือนเม.ย. โรดโชว์นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย เดือนพ.ค.,โรดโชว์ญี่ปุ่น เดือนก.ค.,โรดโชว์มาเลเซียและอินโดนีเซีย และโรดโชว์อินเดีย เดือนส.ค.

นอกจากนี้ยังมีการจัดแฟมทริปนำเสนอสินค้าการท่องเที่ยวไทยทั้งเมืองหลักเชื่อมโยงเมืองน่าเที่ยว ให้เหมาะสมกับแต่ละตลาดตลอดทั้งปี จากสำนักงานททท.ในต่างประเทศ

ขณะเดียวกันยังมีโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวในปีหน้า อาทิ โครงการ Imakara Thaie ส่งเสริมให้ชาวญี่ปุ่นเที่ยวไทยกับพาสปอร์ตใบแรก นำเสนอขายกรุงเทพ อยุธยา เชียงใหม่ เน้นช่วงวันหยุดเทศกาล และปิดเทอมการศึกษา (พ.ค.และก.ค.-ส.ค. ปี 2568) โครงการAmazing Thailand Golf Tournament ดึงคนจีนมาตีกอล์ฟและเที่ยวในกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียง

เพิ่มกลยุทธ X Y Z ดันตลาดระยะไกล

ด้านนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เปิดเผยถึงแนวทางการทำตลาดระยะไกล ว่า ททท.จะโฟกัส ตลาดดาวฤกษ์ ได้แก่ รัสเซีย อังกฤษ อเมริกา เยอรมัน ฝรั่งเศส เนื่องจากเป็นตลาดที่มีจำนวนการเดินทางเข้าไทยสูง 

โดยททท.ได้เปิดสำนักงานที่ชิคาโก เพื่อเจาะตลาดอเมริกากลางและแคนาดา เนื่องจากประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ใหญ่มาก และตลาดดาวรุ่ง ได้แก่ แคนาดา อิตาลี คาซัคสถาน โปแลนด์ เดนมาร์ก ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นตลาดที่แม้จำนวนจะไม่มาก แต่มีอัตราการการเติบโตสูงในการเดินทางมาเที่ยวไทย

ศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร

สำหรับกลยุทธในการทำตลาด ในปีหน้า นอกจากกลยุทธ A คือ Airline Focus ในการสนับสนุนให้สายการบินต่างๆเพิ่มเที่ยวบินเข้าไทยต่อเนื่อง หลังจากในช่วงตารางบินฤดูร้อนและตารางบินฤดูหนาว สำหรับตลาดระยะไกล ถือว่ามีจำนวนเที่ยวบินในช่วงตารางบินฤดูร้อนสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนเกิดโควิดแล้ว ก็จะเพิ่ม กลยุทธ์ X Y Z เข้ามา

  • X ได้แก่ Xtraordinary Destination ทำให้ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พิเศษ
  •  Y คือ Your Stories Never End ซึ่งจากมาตรวีซ่าเปิดให้นักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศเป้าหมายสามารถอยู่ยาวในไทยได้สูงสุด 60 วัน การมีวันพักที่มากขึ้น ก็ทำให้นักท่องเที่ยว สามารถมีประสบการณ์ท่องเที่ยวในไทยที่หลากหลาย 
  • Z คือ Net Zero Tourism ซึ่งจะเห็นว่านักท่องเที่ยวโดยเฉพาะยุโรปให้ความสนใจด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้น แม้แต่สายการบินก็เตรียมจะใช้น้ำมันอากาศยานยั่งยืนหรือ SAF มาใช้

ททท.จึงต้องวางกลยุทธให้ครอบคลุมดังนั้นเป้าหมายในปีหน้าการสร้างรายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น เราจะโฟกัสการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในตลาดดาวฤกษ์และตลาดดาวรุ่ง การเพิ่มวันพักวันเฉลี่ย และเพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวให้เพิ่มขึ้น ทั้งหมดล้วนเป็นทิศทางการทำตลาดในปี 2568 ที่จะเกิดขึ้น