ลอยกระทง 2567 ททท.คาดท่องเที่ยว เงินสะพัดเฉียด 7 พันล้าน

10 พ.ย. 2567 | 21:32 น.

ลอยกระทง 2567 ททท.คาดคนไทยเที่ยวในประเทศ 1.99 ล้านคน-ครั้ง สร้างรายได้เฉียด 7,000 ล้านบาท โดยคนไทยแห่เที่ยวภาคเหนือมากที่สุด

นางสาว ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เผยว่า ททท.คาดการณ์การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทย ช่วงเทศกาลลอยกระทง 2567 โดยคาดว่า จะยังคงมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น แม้ว่าหลายจังหวัดมีจำนวนวันจัดงานน้อยกว่าปีที่ผ่านมา

ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

แต่เนื่องจากวันลอยกระทง ปีนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ติดกับวันหยุดสุดสัปดาห์ จึงเป็นแรงหนุนให้นักท่องเที่ยว
ออกมาร่วมงานลอยกระทงมากขึ้นและต่อเนื่องไปถึงการเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุด 

โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยประมาณ 1.99 ล้านคน-ครั้งเพิ่มขึ้น 9 %  และก่อให้เกิดรายได้ประมาณ 6,990 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 12 %

ลอยกระทง 2567

สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวรายภูมิภาค คาดว่า ภาคเหนือ มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยมากที่สุด ประมาณ 568,740 คน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 7 % รองลงมาคือ ภาคกลางรวมภาคตะวันตก ประมาณ 380,440 คน-ครั้ง
เพิ่มขึ้น 2 % และกรุงเทพมหานคร มีจำนวนประมาณ 330,450 คน-ครั้งเพิ่มขึ้น 7 %

คาดการณ์จำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเที่ยว เทศกาลลอยกระทง 2567

ขณะที่ภูมิภาคที่สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวมากที่สุด คือ ภาคเหนือ สร้างรายได้ประมาณ 2,556 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9 % รองลงมา คือ กรุงเทพมหานคร 1,371 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 9 % และ ภาคตะวันออก 1,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  22 %

ในส่วนพื้นที่ไฮไลท์ที่ ททท. ดำเนินการจัดกิจกรรมเทศกาลลอยกระทงระหว่างวันที่ 13-16 พฤศจิกายน 2567 ยังคงเป็นบริเวณคลองผดุงกรุงเกษม กรุงเทพมหานคร ภายใต้แนวคิด “มหัศจรรย์ สีสันแห่งศรัทธา” 
Amazing Night of lights : Loi Krathong Festival โดยสร้างสรรค์กิจกรรมบนรากฐานวัฒนธรรม (Soft Power) 

ลอยกระทงคลองผดุงกรุงเกษม

ผสานความทันสมัยของสื่อผสมและเทคโนโลยีเพื่อให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ และทรงคุณค่าอย่างวิถีไทย พร้อมใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยประมาณ 330,450 คน-ครั้งเพิ่มขึ้น 7 % และมีรายได้ทางการท่องเที่ยวประมาณ 1,371 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9 %

สำหรับเทศกาลลอยกระทงใน 5 พื้นที่เอกลักษณ์ ได้แก่ งานประเพณีลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จ.สุโขทัย (ระหว่างวันที่ 8-17 พ.ย. 2567), งานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป 1,000 ดวงจ.ตาก(ระหว่างวันที่ 15-18 พ.ย. 2567), งานประเพณีเดือนยี่เป็ง จ.เชียงใหม่ (ระหว่างวันที่ 12-15 พ.ย. 2567), ประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม 
(ระหว่างวันที่ 15-17 พ.ย. 2567)และประเพณีสมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป จ.ร้อยเอ็ด (ระหว่างวันที่ 14-15 พ.ย. 
2567) 

ลอยกระทง 2567 ททท.คาดท่องเที่ยว เงินสะพัดเฉียด 7 พันล้าน

ททท.คาดว่าจะมีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยเดินทางเข้าพื้นที่จัดงานทั้ง 5 พื้นที่ ประมาณ 330,400 คน-ครั้ง
สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 1,364 ล้านบาท โดยมีเชียงใหม่และสุโขทัยเป็นพื้นที่จัดงานที่มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยและรายได้ทางการท่องเที่ยวสูงเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2

ลอยกระทง 2567 ททท.คาดท่องเที่ยว เงินสะพัดเฉียด 7 พันล้าน

เนื่องจากเป็นพื้นที่ยอดนิยมของคนไทย และเริ่มมีสภาพอากาศที่เย็นลง ผนวกกับรูปแบบการจัดงานที่มีเอกลักษณ์และเป็นประเพณีสืบ
ทอดมาอย่างยาวนาน

นอกจากนี้ข้อมูลจากสื่อออนไลน์ระหว่างวันที่ 4-6 พ.ย. 2567  และแพลตฟอร์ม X พบว่า คนไทยชวนกันออกไปร่วมงานลอยกระทง โดยเชียงใหม่เป็นสถานที่ที่คนไทยชวนไปลอยกระทงมากที่สุด รองลงมา คือ กรุงเทพมหานคร และ สุโขทัย

ปัจจัยสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลลอยกระทง 

1. เข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวของทุกภูมิภาค โดยเฉพาะ ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เริ่มมีสภาพอากาศเย็นลง เหมาะกับการออกเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน

2. เป็นวันที่ติดกับวันหยุดสุดสัปดาห์คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้ผู้คนออกมาร่วมงานลอยกระทงเพิ่มขึ้น และถือโอกาสออกเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องในวันหยุดสุดสัปดาห์

3. กิจกรรมส่งเสริมจาก ททท. และพันธมิตร เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวผ่านกิจกรรมประเพณีลอยกระทงในพื้นที่จัดงานที่มีเอกลักษณ์และประเพณีที่งดงาม อาทิ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ สุโขทัย ตาก สมุทรสงคราม

4. แคมเปญ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง” ภายใต้โครงการเหนือพร้อมเที่ยว ซึ่งโครงการเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. – 31 ธ.ค. 2567 คาดว่า จะช่วยสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวภาคเหนือและเกิดการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
 
อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยที่เป็นอุปสรรคฉุดให้สถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงเทศกาลดังกล่าวเติบโตได้ ไม่เต็มที่ ได้แก่

1. ปัญหาค่าครองชีพและหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้คนไทยกลุ่มที่มีกำลังซื้อน้อยยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย และอาจเก็บเงินไปใช้ในเดือนธันวาคมซึ่งมีวันหยุดหลายช่วง 

2. ฝุ่น PM 2.5 ที่มาพร้อมกับฤดูหนาว ซึ่งจากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ ระบุว่าในเดือนพฤศจิกายน 2567 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีแนวโน้มว่าค่าฝุ่นจะเพิ่มสูงขึ้นและมีโอกาสจะเกินค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

อาจทำให้ประชาชนบางกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ และกลุ่มครอบครัวที่มีเด็กเล็ก งดหรือหลีกเสี่ยงการทำกิจกรรมนอกบ้าน