นายวิลเลียม ไฮเน็ค (William Heinecke) ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในการเข้าพบเพื่อหารือกับ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในมุมมองของภาคเอกชน ผมได้นำเสนอ 8 ประเด็นหลักในการกระตุ้นตลาดทุน นโยบายการลงทุน และการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวม 28 ข้อเสนอ ที่อยากให้รัฐบาลพิจารณาผลักดันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่
วิลเลียม ไฮเน็ค
ประเด็นที่ 1 เรื่องตลาดทุนและนโยบายการลงทุน โดยเสนอให้นำมาตรการจูงใจทางภาษีสำหรับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) เพื่อดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศและเพิ่มสภาพคล่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย
การกำหนดให้ REITs ถูกจัดอยู่ในประเภทหลักทรัพย์สำหรับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุน ESG เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนในตลาดทุน
รวมถึงส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานประกันสังคม (SSO) และสหกรณ์ในโครงการการเงินที่ยั่งยืน เช่น พันธบัตรสีเขียว (Green Bonds) พร้อมกับยกเลิกข้อจำกัดในการลงทุนในหุ้นไทยรายตัว
การดำเนินนโยบายที่เป็นมิตรต่อตลาดทุน เช่น มาตรการจูงใจทางภาษีสำหรับกองทุนในประเทศที่ลงทุนในหุ้นไทย การให้สิทธิพิเศษทางภาษีแก่ REITs รวมถึงการยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% สำหรับเงินปันผลของนักลงทุนต่างชาติ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุน
ประเด็นที่ 2 การแข่งขันที่เป็นธรรมในอุตสาหกรรมโรงแรม โดยขอกำหนดเงื่อนไขการขอใบอนุญาตที่เข้มงวดขึ้นสำหรับ Airbnb และแพลตฟอร์มให้เช่าระยะสั้น เพื่อป้องกันที่พักที่ไม่มีใบอนุญาตจากการดำเนินกิจการในลักษณะโรงแรม
โดยเพิ่มมาตรการตรวจสอบและกวาดล้างที่พักที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะที่ดำเนินการโดยนักลงทุนต่างชาติที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าเป็นโรงแรมเถื่อน
การออกกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นสำหรับแพลตฟอร์มตัวกลางด้านการท่องเที่ยวออนไลน์ (OTAs) เพื่อป้องกันพฤติกรรมกำหนดราคาที่ไม่เป็นธรรม และให้แน่ใจว่ามาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลส่งผลประโยชน์ต่อโรงแรมและนักท่องเที่ยวโดยตรง แทนที่จะเป็นแพลตฟอร์มตัวกลางจากต่างประเทศ
ประเด็นที่ 3 ส่งเสริมให้ประเทศไทยในฐานะแหล่งท่องเที่ยวที่ต้อนรับนักเดินทาง โดยขอให้พิจารณาขยายมาตรการยกเว้นวีซ่าและลดข้อจำกัดในการขอวีซ่าเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตลาดที่หลากหลายขึ้น ควบคู่กับการคัดกรองด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดความเสี่ยงจากอาชญากรรมข้ามชาติ เสนอวีซ่าฟรี 14 วันให้กับตลาดนักท่องเที่ยวที่สำคัญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการคัดกรองผู้เดินทาง
เสริมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศเพื่อป้องกันการใช้วีซ่าผิดวัตถุประสงค์ รวมถึงพัฒนาระบบวีซ่าและการตรวจคนเข้าเมือง ให้เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดอุปสรรคในการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง
ประเด็นที่ 4 เรื่องการคมนาคมและการเชื่อมต่อ โดยเสนอให้เร่งขยายสนามบินและอาคารผู้โดยสารเพื่อเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างประเทศมายังประเทศไทย ขยายโควตาการให้บริการเส้นทางบินและสิทธิพิเศษสำหรับสายการบินเพื่อเพิ่มการเข้าถึง พัฒนาอาคารท่าเรือสำราญระดับโลกในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และสมุย เพื่อยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเรือสำราญชั้นนำ
การเปิดเส้นทางรถไฟหรูเชื่อมโยงเมืองท่องเที่ยวหลัก โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟที่มีอยู่ ซึ่งไมเนอร์ จะขอเข้าพบ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการรถไฟหรูข้ามประเทศไทยในรูปแบบขบวนรถไฟกลางคืน ซึ่งจะช่วยเชื่อมต่อเมืองรองและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงหรูหราในประเทศ
รวมถึงขอให้รัฐบาลสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจในสนามบิน เช่น ร้านค้าปลอดภาษี ร้านอาหาร และร้านค้าปลีก โดยขอให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ทบทวนค่าเช่าและค่าธรรมเนียมสัมปทาน สนามบินในประเทศไทยมีอัตราค่าเช่าที่สูงที่สุดในภูมิภาค
ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่กลับสู่ระดับก่อนโควิด และพฤติกรรมการใช้จ่ายของนักเดินทางก็เปลี่ยน แปลงไป ส่งผลกระทบต่อยอดขายและกำไรของผู้ประกอบการ และการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเพื่อดึงดูดนักเดินทางระดับมหาเศรษฐี
ประเด็นที่ 5 โครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาในภูเก็ต เสนอให้พิจารณาปรับปรุงระบบน้ำและการจัดการขยะเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในภูเก็ต การแก้ปัญหาการจราจรติดขัดด้วยการวางผังเมืองที่ยั่งยืนและพัฒนาสาธารณูปโภค
การกำหนดให้ภูเก็ตเป็นเขตปกครองพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงบประมาณและกำหนดนโยบายที่ยืดหยุ่นต่อการท่องเที่ยวและการพัฒนาเมือง และเพิ่มสัดส่วนการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้แก่ภูเก็ต
เนื่องจากเป็นจังหวัดที่สร้างรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มสูงเป็นอันดับสองของประเทศ แต่กลับได้รับงบประมาณเพียง 5% เนื่องจากจำนวนประชากรที่น้อย
ประเด็นที่ 6 การส่งเสริมอุตสาหกรรมบันเทิงและการเดินทางเพื่อธุรกิจ ขอให้ส่งเสริมประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก โดยให้สิทธิพิเศษเพิ่มเติมสำหรับจังหวัดที่มีศักยภาพ เช่น เชียงใหม่ เพิ่มการสนับสนุนจากภาครัฐสำหรับการจัดงานระดับนานาชาติ คอนเสิร์ต เทศกาล และการแข่งขันกีฬาผ่านการให้ทุนและมาตรการจูงใจ
ประเด็นที่ 7 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการเคลื่อนย้ายแรงงาน โดยขอให้พิจารณาขยายมาตรการจูงใจทางภาษีสำหรับบริษัทที่ลงทุนในการฝึกอบรมพนักงาน ดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถ และส่งเสริมแรงงานไทยในโรงแรมหรูต่างประเทศ การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนกับสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาบุคลากรที่พร้อมทำงานในอุตสาหกรรม
ประเด็นที่ 8 การสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและโรงแรมของไทย โดยขอให้กำหนดนโยบายให้เจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานของรัฐ และสายการบินไทย ให้ความสำคัญและสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมของไทย เมื่อเดินทางทั้งในและต่างประเทศ
การสนับสนุนจากภาครัฐต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวในประเทศจะช่วยสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันกับเครือโรงแรมระดับโลกและแพลตฟอร์มตัวกลางด้านการจองที่ครองตลาดอยู่ในปัจจุบัน
วิลเลียม ไฮเน็ค บิ๊กไมเนอร์ หารือนายกแพทองธาร
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้หารือกับนายวิลเลียม ไฮเน็ค และเชื่อมั่นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยร่วมกัน ซึ่งในปี 2568 นี้ เป็นปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ไทยมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
ในการหารือร่วมกันในครั้งนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นวางเป้าหมายให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ซึ่งได้เพิ่มความสะดวกผ่านมาตรการและนโยบายต่าง ๆ โดยนายวิลเลียมฯ ชื่นชมการออกมาตรการฟรีวีซ่า ซึ่งส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวอย่างเห็นได้ชัด และเสนอให้ขยายมาตรการไปยังประเทศและดินแดนอื่น ๆ เพิ่มเติม
รวมทั้งการสนับสนุนกลุ่ม Digital Nomad โดยนายกรัฐมนตรีเห็นพ้อง และขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแนวทางที่จะจัดทำไปยังประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นว่าการพัฒนานโยบายที่เสริมสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง ล้วนเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการที่กำลังดำเนินธุรกิจในไทย
ทั้งยังได้แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก พร้อมสร้างระบบบริหารจัดการที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนและนักท่องเที่ยวในระยะยาว โดยรัฐบาลพร้อมพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมศักยภาพของภูเก็ตให้เติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถบริหารจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยตระหนักถึงความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลมีแนวทางที่จะขยายขีดความสามารถของท่าอากาศยานและเครือข่ายเส้นทางรถไฟต่าง ๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นพ้องกับข้อเสนอของนายวิลเลียมฯ ว่าการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินตรงให้มากยิ่งขึ้นเพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
รวมไปถึงการพัฒนาโครงการ ท่องเที่ยวด้วยรถไฟ ที่สามารถพักค้างคืนบนโบกี้รถไฟ ที่ อาจวิ่งตั้งแต่สิงคโปร์ มาเลเซีย มาจนถึงไทยผ่านไปยังลาว จีน หรือเวียดนามได้จะช่วยสร้างมูลค่า และจะนำไปหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยส่งเสริมการท่องเที่ยวในหลากหลายรูปแบบเพื่อตอกย้ำว่าประเทศไทยสามารถเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยรัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมให้การสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการทุกภาคส่วนให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่องเที่ยว