thansettakij
ท่องเที่ยวไทยหมดยุคกินบุญเก่า ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ทำโลกป่วน

ท่องเที่ยวไทยหมดยุคกินบุญเก่า ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ทำโลกป่วน

26 มี.ค. 2568 | 09:10 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มี.ค. 2568 | 09:38 น.

การท่องเที่ยวไทยปัจจุบัน ถ้าไทยกินบุญเก่า แต่เพื่อนบ้าน พัฒนาต่อเนื่อง ไทยจะอยู่อย่างไร มุมมอง“ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)

การขับเคลื่อนการท่องเที่ยวไทย ณ ปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องง่าย ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น อีกทั้งถ้าไทยจะมานั่งกินบุญเก่าอย่างในอดีต ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้าน มีการพัฒนาโปรดักซ์ท่องเที่ยวต่อเนื่อง ไทยจะอยู่อย่างไร “ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพรนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ฉายมุมมองและทางออกในเรื่องนี้

ปัญหาขัดแย้งสหรัฐ-จีน ลามวงกว้าง

การส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยในปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงไปมากหลังโควิด-19 จากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งจะเห็นว่าวันนี้การเมืองแบ่งแยกชัดเจน ระหว่างขั้วสหรัฐอเมริกาและจีน และอาจเป็นแผลกระจายไปอย่างกว้างขวาง กระทบเศรษฐกิจไปทั่ว ซึ่งจีนก็ไม่ธรรมดา เขามองถึงอนาคต จะเห็นได้ว่าแม้จะถูกชาติตะวันออกเล่นงาน แต่เขาก็เดินต่อไปได้เรื่อยๆ

ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร

จีนไม่เคยหยุดอยู่กับที่ ไม่งั้นคงไม่เกิด DeepSeek การพัฒนา AI หรือแม้แต่ถูกสหรัฐฯกีดกันทางการค้า ห้ามลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีทั้ง AI และชิปกับจีน ทางจีนก็ผลิตของตัวเองได้ ปรับตัวเพื่อที่จะยังค้าขายได้ แข่งกับสหรัฐฯ หรือแม้แต่ TikTok ในสหรัฐอเมริกา ที่คนสหรัฐอเมริกาใช้มาก ห้ามไม่ได้ท้ายสุดก็มาขอซื้อหุ้น

วันนี้รัฐบาลจีน ต้องการสร้างให้เศรษฐกิจภายในของจีนแข็งแกร่งขึ้น ลดการพึ่งพาภายนอก จีนจึงเน้นพัฒนา เศรษฐกิจทุกด้าน เพื่อให้เศรษฐกิจเขาอยู่ได้ อย่างการท่องเที่ยว ก็จะเห็นว่าจีนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมากมายในจีน เพื่อกระตุ้นให้คนจีนเดินทางเที่ยวในประเทศ มากกว่าไปเที่ยวต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ก็ย่อมส่งผลกระทบต่อการเดินทางเที่ยวนอกประเทศของจีนที่น้อยลง แตกต่างจากในอดีต ซึ่งจีนเป็นตลาดหลักของการท่องเที่ยวไทย ดูจากแนวโน้มแล้วในปีนี้ก็จะยังไม่กลับมาเท่ากับก่อนเกิดโควิด-19

ไทยต้องกู้ภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัย

ทั้งผมยังมองว่ากว่า 4 ปีในช่วงโควิดที่ผ่านมา รัฐบาลต้องเอาใจใส่ สนใจเอาจริง ไม่ได้พูดอย่างเดียว มีแผนมีงบชัดเจนในการลงทุน การส่งเสริมการท่องเที่ยวต้องมีเป้าหมายชัดเจน และเมื่อมีปัญหาเรื่องความปลอดภัย ฝ่ายความมั่นคง ต้องลงแก้ไข และให้ข่าวสารโดยผู้มีอำนาจให้ถูกต้องโดยเร็วที่สุด รวมถึงการดูแลกฏหมายและความมั่นคง ก็ต้องตรงไปตรงมา คุมไม่ให้คนที่ติดแบล็คลิส เดินทางเข้าไทย และร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของไทยกลับคืนมา

รวมถึงลดจำนวนวันการให้วีซ่าอยู่ในไทย ซึ่งควรให้แค่ไม่เกิน 30 วันก็พอแล้ว เพราะถ้าเกิน 1 เดือน คนที่มาอยู่ในไทยนานๆไม่ใช่นักท่องเที่ยว แต่เป็นคนที่เข้ามาทำธุรกิจ หรือมาหากินในไทย ดังนั้นถ้าคนที่ต้องการอยู่ในไทย ก็ควรไปใช้วีซ่าลองสเตย์ ผมก็มองว่าค่าธรรมเนียม และค่าประกันก็น้อยเกินไปควรจะปรับเพิ่มหรือไม่

ส่วนการที่คนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจค้าขาย ขายอาหารในไทย เมื่อขายนักท่องเที่ยวจีนไม่ได้เหมือนก่อน ก็หันมาขายคนไทย อย่างห้วยขวางในอดีตที่คึกคักมาก จากคนจีนเข้ามาลงทุน วันนี้ขายไม่ได้ก็ปิดไป มีคนใหม่เข้ามาขายต่อ เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายมาเป็นคนไทยถ้านักท่องเที่ยวจีนยังไม่ได้มากเท่าอดีต การที่คนจีนมองโอกาสในการเข้ามาลงทุนไทยต่อเนื่อง เป็นเพราะเมืองจีนเศรษฐกิจไม่ดี เขาก็พยายามออกมาลงทุนในต่างประเทศ

อย่าอยู่ได้เพราะกินบุญเก่า จะถูกแซงหน้า

อีกทั้งเมืองไทยที่ผ่านมาได้บุญเก่า ขายแต่ของเดิมๆ ขณะที่ประเทศอื่น ซึ่งเป็นคู่แข่งเรา อย่างเวียดนาม พัฒนาเร็วมาก ญี่ปุ่น จีน ก็มีการพัฒนาตลอด นักท่องเที่ยวมากขึ้น ไทยถูกแย่งชิงตลาดไป ซึ่งถ้ายังเป็นแบบนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าวิตก วันนี้จีนก็ไปเที่ยวญี่ปุ่น จนการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นแซงไทยไปแล้ว ซึ่งจริงๆมีอีกประเทศที่น่ากลัวคือ เมียนมา แต่บังเอิญช่วงนี้เขามีปัญหาภายใน ทำให้ปัจจัยลบหรือคู่แข่งของไทยหายไปหนึ่งประเทศ ผมมองว่าแหล่งท่องเที่ยวของไทย ควรต้องมีการพัฒนาอย่างจริงจัง เราจะขายธรรมชาติความสวยงามของเกาะ หรือทะเล ได้ตลอดไปหรือไม่ ถ้าไม่ได้เข้าไปดูแล ซึ่งต้องบูรณาการความ ร่วมมือกับทุกภาคส่วน

รัฐควรต้องมองการลงทุนด้านการท่องเที่ยวอย่างจริงจัง มีการลงทุนที่ชัดเจน ไม่ใช่คิดแต่เรื่องแจกเงิน ทั้งๆที่ควรจะนำเงินไปลงทุนในสิ่งกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริงมากกว่านี้ เพราะการจะหวังการลงทุนของเอกชนเป็นหลักคงทำไม่ได้ เอกชนเป็นเพียงเป็นไม้เป็นมือเท่านั้น การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ปลอดภัย

การปัญหาแหล่งท่องเที่ยวกระจุกตัวไม่กระจาย ทุกภาคส่วนของรัฐต้องร่วมมือกัน จะลงทุนหรือส่งเสริมให้เอกชนเข้าไปลงทุน เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวในเมืองรอง ต้องชัดเจน เพราะในแง่ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ทำการตลาดเต็มที่แล้ว แต่การจะดึงให้คนเดินทางไป สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆต้องมี

เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ต้องคุมกม.ให้ได้

ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีแผนจะผลักดันเรื่องของ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนอยู่ 10% ก็มองว่าจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความชัดเจนว่าถ้าเปิดมาแล้ว ฝ่ายความมั่นคง หรือผู้เกี่ยวข้องจะควบคุมให้เป็นไปตามกฏหมายได้หรือไม่

รัฐบาลต้องมีความชัดเจนว่าผลประโยชน์จะเข้าประเทศได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ หรือผลประโยชน์จะตกอยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพราะมันเป็นที่มองไม่เห็น ขณะที่ประเทศที่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้อย่างสิงคโปร์ เขามีมาตรการควบคุมชัดเจน เงินเข้าประเทศแท้จริง การมีเอนเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโน จึงเป็นประโยชน์

อย่างไรก็ตามเมื่อดูจากสภาพความเป็นจริงของการท่องเที่ยวไทยในปีนี้ ผมมองว่าเป้าหมายการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย 39 ล้านคนก็คงไม่ได้ สิ่งที่จะทำให้น่าจะอยู่ที่ 37 ล้านคน เพราะนักท่องเที่ยวมาเลเซีย อินเดีย ไต้หวัน ตะวันออกกลาง มีแนวโน้มการเติบโตกว่าปีที่ผ่านมา ผมมองว่าควรจะยึดตามเป้าหมายเดิมก่อนโควิดไว้ และทำให้ได้ก่อน โดยปีนี้การท่องเที่ยวไทยก็ยังคงเติบโตเป็นบวก แต่ก็แค่อาจจะไม่เท่ากับเป้าหมายที่รัฐบาล

หมดยุคจีนเที่ยวไทย 10 ล้านคน

สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งในอดีตเคยเป็นตลาดนักท่องเที่ยวหลักของไทย การดึง “นักท่องเที่ยวจีน” เข้าไทยให้ได้ถึง 8 ล้านคนในปี 2568 ยังเป็นไปได้ยาก แนวโน้มน่าจะเห็นที่ 7 ล้านคน มากกว่าปีที่แล้วเล็กน้อยซึ่งปิดที่ตัวเลข 6.7 ล้านคน จากสถานการณ์เศรษฐกิจจีนไม่ค่อยดี และประเทศไทยยังคงมีปัญหาภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยในตอนนี้ อาจจะหมดยุคจีนเที่ยวไทยมากกว่า 10 ล้านคนต่อปีเหมือนก่อนโควิดแล้วก็เป็นได้

จากการสำรวจกระแสของการเดินทางมาเที่ยวไทยของนักท่องเที่ยวจีน พบว่า กระแสส่วนใหญ่กังวลเรื่องของความไม่ปลอดภัยมากที่สุด สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการในอนาคต คือดึงความเชื่อมั่นกลับคืนมา รวมถึงการลงทุนแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ และพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ดีขึ้น หากรัฐบาลลงทุนจะทำให้ท่องเที่ยวไทยกลับมาบวกมากขึ้นนั่นเอง