รายงานข่าวจาก บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ ไอวีแอล ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก เผยว่า บริษัทได้ประกาศเปิดโรงงาน PETValue ในประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อรีไซเคิลขวดเครื่องดื่มใช้งานแล้วนำไปผลิตเป็นขวดใหม่
ทั้งนี้เป็นความร่วมมือกับบริษัท Coca-Cola Beverages Philippines ในกลุ่มธุรกิจโคคา-โคล่าในประเทศ โดยโรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานรีไซเคิล PET ขนาดใหญ่ที่สุดของไอวีแอล เพื่อเสริมความเป็นผู้นำในฐานะบริษัทปิโตรเคมีแบบบูรณาการชั้นนำระดับโลก และต่อยอดจากการเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PET รีไซเคิลที่ใช้สำหรับขวดเครื่องดื่มรายใหญ่ที่สุดของโลก
สำหรับโรงงาน PETValue Philippines ตั้งอยู่ในเมือง General Trias จังหวัด Cavite ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา เป็นโรงงานแห่งแรกของประเทศที่รีไซเคิลขวดเครื่องดื่มใช้งานแล้วเพื่อนำไปผลิตเป็นขวดใหม่ที่มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศฟิลิปปินส์ ดำเนินการก่อสร้างโดยความร่วมมือระหว่างไอวีแอล และบริษัท Coca-Cola Beverages Philippines สอดคล้องกับโครงการ "World Without Waste" ของเดอะโคคา-โคล่า คัมปะนี ที่ตั้งเป้ารวบรวมและรีไซเคิลขวดเครื่องดื่มให้ได้ในปริมาณเทียบเท่ากับปริมาณที่จำหน่ายออกสู่ตลาดภายในปี 2573
การตั้งกิจการร่วมทุนกับโคคา-โคล่า ในครั้งนี้ ทำให้ไอวีแอลจะสามารถรีไซเคิลขวด PET ใช้งานแล้วในประเทศฟิลิปปินส์ได้เพิ่มขึ้นอีก 20,000 ล้านขวดต่อปี พร้อมสร้างงานให้กับผู้คนในพื้นที่ประมาณ 200 อัตรา
นายซันเจย์ อาฮูจา ประธานบริหารกลุ่มธุุรกิจ Combined PET อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า PETValue เป็นการพัฒนาก้าวสำคัญสำหรับไอวีแอลในฐานะผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PET รีไซเคิลรายใหญ่ที่สุด ได้นำประสบการณ์ระดับโลกและองค์ความรู้มาใช้ในการเพิ่มกำลังการรีไซเคิลขวดให้ได้มากยิ่งขึ้น และเมื่อผนวกเข้ากับความสามารถในเข้าถึงฐานผู้บริโภคที่ทรงพลังของโคคา-โคล่า ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้ได้ชี้ให้เห็นศักยภาพของบริษัท ในฐานะผู้ดำเนินงานด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างระบบหมุนเวียนสำหรับการรีไซเคิลขวดพลาสติก ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาขยะในประเทศฟิลิปปินส์
ทั้งนี้ ไอวีแอลได้พัฒนาธุรกิจรีไซเคิลจนสามารถบรรลุครึ่งหนึ่งของเป้าหมาย ในการเพิ่มกำลังการรีไซเคิลเป็น 750,000 ตันต่อปี ภายในปี 2568 โดยบริษัทฯ กำลังลงทุนจำนวน 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อขยายโรงงานรีไซเคิลและพัฒนากระบวนการผลิตที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึงเป้าหมายใหม่ที่ต้องการเพิ่มขวด PET ใช้งานแล้วที่นำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลให้ได้จำนวน 1.5 ล้านตันต่อปี ภายในปี 2573
โรงงานแห่งใหม่นี้จะเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่คุณค่าของการจัดการขยะที่ครบวงจรยิ่งขึ้น เพื่อช่วยแก้การจัดการขยะหลังการบริโภคที่กำลังเป็นปัญหามากยิ่งขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งหนึ่งในคุณสมบัติเฉพาะตัวของพลาสติก PET ที่ใช้ผลิตขวดน้ำดื่มและเครื่องดื่ม คือ สามารถรีไซเคิลได้ 100% และเป็นบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีการเก็บกลับมากที่สุดในโลก แบรนด์ชั้นนำระดับโลก รวมถึงโคคา-โคล่า จึงหันมาใช้วัสดุรีไซเคิลมากขึ้นในการผลิตขวด เพื่อช่วยให้เกิดการใช้ซ้ำและขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน
นายยาช โลเฮีย ประธานคณะกรรมการด้านการดำเนินงานที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลอินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า ภายในสิ้นปีนี้ ไอวีแอลจะสามารถเพิ่มกำลังการรีไซเคิลให้ได้มากกว่า 3.75 แสน ตัน โดยในปี 2564 บริษัทได้เข้าซื้อกิจการรีไซเคิล PET ในรัฐเท็กซัส และประกาศแผนสร้างโรงงานแห่งใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ เมื่อปี 2563 ได้บรรลุข้อตกลงร่วมทุนกับโคคา-โคล่า ในการสร้างโรงงานรีไซเคิลอันทันสมัยในประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเปิดอย่างเป็นทางการในวันนี้ และในปีเดียวกันนั้น ไอวีแอลได้เข้าซื้อโรงงานรีไซเคิลในประเทศบราซิลและโปแลนด์ การพัฒนาเหล่านี้นับเป็นเรื่องน่ายินดี ด้วยสภาพแวดล้อมอันท้าทายจากการแพร่ระบาด โดยโรงงานทั้ง 7 แห่งดังกล่าวจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไอวีแอลที่มีโรงงานรีไซเคิลดำเนินการอยู่แล้วในรัฐแอละบามา และอีก 2 แห่งในประเทศฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์
นาย Gareth McGeown ประธานและซีอีโอ บริษัท Coca-Cola Beverages Philippines กล่าวว่า ความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญ จากกว่าทศวรรษของโคคา-โคล่า ที่อยู่ร่วมกับประเทศฟิลิปปินส์เสมือนบ้าน จึงมีความภาคภูมิใจอย่างมากทั้งต่อ PETValue Philippines และความร่วมมือกับอินโดรามาเวนเจอร์ส ซึ่งมีความผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านเทคโนโลยีการรีไซเคิล จะเป็นสินทรัพย์สำคัญต่อเป้าหมายของประเทศฟิลิปปินส์ที่กำลังร่วมกันพัฒนาการดำเนินงานที่มีความยั่งยืนยิ่งขึ้นและสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนที่แท้จริง
สำหรับบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ ต้องอาศัยนวัตกรรมต่าง ๆ อย่าง PETValue Philippines และความร่วมมืออันแข็งแกร่งที่ได้ริเริ่มกับหน่วยงานที่มีเป้าหมายเดียวกันอย่างอินโดรามา เวนเจอร์ส จึงจะทำให้โคคา-โคล่าสามารถอยู่คู่กับชาวฟิลิปปินส์ไปได้อีกนับร้อยปี