เปิดคุณสมบัติ "สมาชิกสภาเกษตรกร" แข่งเดือดเลือกตั้ง 19 มีนาฯ

ปี่กลองรับศึกเลือกตั้งสภาเกษตรกรจังหวัดครั้งใหม่ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม 2566 กำลังดังกังวาลไปทั่วประเทศ

นายรัตนะ สวามีชัย เลขาธิการสภาเกษตรกรแห่งชาติ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงอำนาจหน้าที่ของสภาเกษตรกรจังหวัดมี 9 ประการ ดังนี้ 1.พัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่เกษตรกรและองค์กรเกษตรกรภายในจังหวัด 2.ประสานนโยบายและการดำเนินงานระหว่างองค์กรเกษตรกร เกษตรกร สถาบันวิจัย สถาบันการศึกษา และหน่วยงานของรัฐ 3.ส่งเสริมและสนับสนุนการรวมกลุ่มขององค์กรเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร และยุวเกษตรกรในจังหวัด ในรูปแบบต่าง ๆ

4.เสนอแผนพัฒนาเกษตรกรรมระดับจังหวัดต่อสภาเกษตรกรแห่งชาติเพื่อบูรณาการเป็นแผนแม่บทเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป 5.สนับสนุนและส่งเสริมการศึกษา การฝึกอบรม และการถ่ายทอดเทคโนโลยีแก่เกษตรกรและยุวเกษตรกร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพเกษตรกรรมอย่างครบวงจรและยั่งยืน 6.เสนอนโยบายและแนวทางในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรกรรม รวมทั้งราคาผลผลิตทางเกษตรกรรมที่ไม่เป็นธรรมต่อสภาเกษตรกรแห่งชาติ

7.ให้คำปรึกษาและข้อแนะนำแก่เกษตรกรหรือองค์กรเกษตรกร 8.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการใด ๆให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามพระราชบัญญัตินี้ และ 9.ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากสภาเกษตรกรแห่งชาติ

“สภาเกษตรกรจังหวัด ไม่มีเงินเดือน จะมีเพียงแค่ค่าเบี้ยประชุม และค่าเดินทางเท่านั้น มองว่าคนที่จะเข้ามาจะต้องมีจิตอาสาในการทำงานเพื่อเกษตรกร ส่วนผู้ที่มีลักษณะต้องห้ามไม่ให้สมัครรับเลือกตั้ง มี 7 ข้อ อาทิ เป็นบุคคลล้มละลาย เป็นข้าราชการการเมือง หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น เป็นต้น"

 

 

ทั้งนี้เมื่อเกษตรกรได้เข้ามาสมัครแล้ว จะได้รับหมายเลขประจำตัวที่ใช้ในการลงคะแนนเลือกตั้งตามลำดับการยื่นใบสมัคร และตามลำดับเลขที่ใบสมัคร ที่ผู้อำนวยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดประจำอำเภอออกให้แต่ละบุคคล กรณีมีผู้สมัครมายื่นใบสมัครพร้อมกัน ผู้อำนวยการเลือกตั้งจะให้มีการจัดประชุมผู้สมัครเพื่อตกลงลำดับการยื่นใบสมัครหากไม่สามารถตกลงกันได้ให้ดำเนินการจับฉลากต่อหน้าผู้สมัคร แต่กรณีที่มีผู้สมัครคนเดียวให้ถือว่าผู้สมัครนั้นได้รับเลือกตั้งเป็น "สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด ประเภทผู้แทนเกษตรกร"

วันเลือกตั้ง หากมีการคัดค้านผลการนับคะแนนหรือการรวมคะแนน ในระหว่างการนับคะแนนหรือการรวมคะแนน หากเห็นว่าไม่ถูกต้องให้คัดค้านต่อคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง และภายหลังการนับคะแนนหรือการรวมคะแนนเสร็จสิ้นแล้วให้ทำคำคัดค้าน โดยยื่นต่อผู้อำนวยการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรจังหวัดประจำอำเภอ/เขต

ทั้งนี้หากไม่มีการคัดค้าน ณ ที่เลือกตั้ง หรือไม่มีบันทึกรายงานเหตุการณ์ประจำที่เลือกตั้ง คำคัดค้านนั้นจะมิได้รับการพิจารณาหลังวันเลือกตั้ง  ส่วนการนับคะแนนเลือกตั้งใหม่ เมื่อประธานกรรมการการเลือกตั้ง สภจ.ประจำจังหวัด/กรุงเทพมหานคร สั่งให้มีการนับคะแนนเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งใดหรือในเขตเลือกตั้งใดผู้อำนวยการการเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดประจำอำเภอ/เขต จะดำเนินการ ดังนี้

1.ประกาศกำหนดวัน เวลา และสถานที่นับคะแนนเลือกตั้งใหม่ของหน่วยเลือกตั้ง หรือเขตเลือกตั้ง

2. แจ้งผู้สมัคร หรือตัวแทนผู้สมัครเข้าร่วมสังเกตการณ์นับคะแนนเลือกตั้งใหม่ โดยแจ้งรายชื่อตัวแทนผู้สมัครต่อผู้อำนวยการฯ ก่อนวันเลือกตั้งใหม่ไม่น้อยกว่า 1 วัน

 

การคัดค้านการเลือกตั้ง  หากเห็นว่าการเลือกตั้งนั้นไม่สุจริตและเที่ยงธรรม หรือไม่ถูกกฎหมาย ให้คัดค้านการเลือกตั้ง โดยยื่นคำร้องต่อประธานกรรมการการเลือกตั้ง สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดประจำจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ภายใน 15 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง

 

หมายเหตุ :

1) ต้องคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง ขณะเกิดเหตุ และบันทึกคำคัดค้านไว้ในรายงานเหตุการณ์ประจำที่เลือกตั้ง

2) หากกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งไม่กระทำตามข้อ 1ให้แจ้งต่อพนักงานตำรวจท้องที่ที่เกิดเหตุเป็นหลักฐานและนำหลักฐานประกอบคำร้อง หมายเหตุ : 1. สมาชิกสภาเกษตรจังหวัด (สภจ.), 2. ผู้อำนวยการ (ผอ.)

 

นายรัตนะ กล่าวว่า สรุปข้อมูลการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด  ณ ปัจจุบัน ประเภทผู้แทนเกษตรกร มีจำนวน 2,392  ราย 1,348 เขต  ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีผู้สมัครคนเดียว ให้ถือว่าผู้สมัครนั้นได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด ประเภทผู้แทนเกษตรกร  มีประมาณ 30% ส่วนที่เหลือก็มีการเลือกตั้ง โดยให้เกษตรกรที่มีทะเบียนเกษตรกร กรมส่งเสริมสหกรณ์ในจังหวัดนั้น ๆ มาเลือกตั้ง ในวันที่ 19 มีนาคม 2566 จึงขอเชิญชวนให้เกษตรกรออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเลือกผู้แทนเกษตรกร เพื่อเข้ามาทำหน้าที่เป็นปากเสียงให้แก่พี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ ร่วมกันผลักดัน กำหนดแนวนโยบายที่เป็นประโยชน์ให้แก่เกษตรกร ก็คาดว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะมีเกษตรกรมาใช้สิทธิมากขึ้น

 

ด้าน นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ตัวเต็งประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ สมัยที่ 2   กล่าวว่า  ในพื้นอำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปางที่ตนลงสมัครนั้นไม่มีคู่แข่ง โดยเป็นผู้สมัครเพียงคนเดียว ซึ่งถือเป็นไปตามข้อกำหนดการเลือกตั้ง ที่ให้ถือว่าผู้สมัครนั้นได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด ประเภทผู้แทนเกษตรกร เหตุผลที่ลงสมัครครั้งนี้เพราะอยากช่วยสภาเกษตรกรอีกวาระหนึ่ง จากเห็นว่ายังไม่แข็งแรงเพียงพอ ดังนั้นจึงอยากจะเป็นพี่เลี้ยง แล้วค่อยวางมือ ปีนี้อายุ 71 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็มีหลายพรรคการเมืองชักชวนให้ไปลงการเมืองระดับชาติ "แต่ไม่เอาแล้ว เหนื่อย"

 

แหล่งข่าวเกษตรกรสมาชิกชาวนา   เผยว่า ขณะนี้มีสมาชิกสภาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาบางคนเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งสภาเกษตรกร โดยเอาการเมืองมาเกี่ยวข้องส่งคนของตนเข้ามาสมัครแข่งในทุกอำเภอ เรื่องนี้อยากให้หยุด เพื่อให้สภาฯได้ตัวแทนจากเกษตรกรที่แท้จริง ไม่ใช่เอาแต่พรรคพวกเข้าไปเพื่อจะใช้เป็นฐานเสียงในการเมืองระดับชาติ ซึ่งไม่ใช่เจตนารมย์ของสภาเกษตรกรแห่งชาติ เรื่องนี้อยากให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครอย่างเข้มข้น