วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึง การจ่ายเงินโครงการประกันรายได้ข้าว ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 งวดที่ 19 สำหรับเกษตรกรที่เก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 11-17 ก.พ. 2566 มีรายละเอียดดังนี้
1. ข้าวเปลือกหอมมะลิ สิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว
2. ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,632.23 บาท ชดเชยตันละ 367.77 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 5,884.32 บาท
3. ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,090.32 บาท ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย
4. ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 9,899.37 บาท ชดเชยตันละ 100.63 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 3,018.90 บาท
5. ข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,460.47 บาท ไม่ต้องชดเชยเนื่องจากราคาเกณฑ์กลางสูงกว่าเป้าหมาย
โดยธนาคาร ธ.ก.ส. จะจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์งวดที่ 19 ในวันที่ 22 ก.พ.66 มีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้ จำนวน 6,412 ครัวเรือน
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงการดูแลราคาพืชผลการเกษตรด้วยว่า การบอกว่าพืชเกษตรตกต่ำทุกตัวนั้น ไม่เป็นความจริง แต่ราคาดีเกือบทุกตัว มีบางตัวที่บางช่วงเท่านั้นที่ราคาไม่ดี
นอกจากนั้นยังมี “ประกันรายได้ จ่ายเงินส่วนต่าง” เข้าไปชดเชยให้ หากยามใดที่พืชเกษตรราคาไม่ดี ส่วนเรื่องเงินเฟ้อ ประเทศไทยนั้น เมื่อเทียบกับทุกประเทศในโลก เราก็อยู่ระดับที่เฟ้อต่ำมาก ราคาสินค้าก็เริ่มลงแล้ว แม้ชาวบ้านอาจจะรู้สึกว่า ยังอยากให้ราคาถูกกว่านี้ แต่ก็เริ่มทยอยถูกลงแล้ว
ส่วนราคาปุ๋ยก็เริ่มปรับลดลง ถ้าอนาคตราคาน้ำมันลงกว่านี้ก็จะทำให้ราคาปุ๋ยปรับลดลงไปกว่านี้ได้