นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/66 โดยสัปดาห์นี้เป็นการประกาศราคางวดที่ 22 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันคาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 4 – 10 มีนาคม 2566 ปรากฏว่า
ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ มีราคาเกณฑ์กลางตันละ 13,623.27 บาท เกษตรกรจะได้รับชดเชยส่วนต่างตันละ 376.73 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 6,027.68 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี มีราคาเกณฑ์กลางตันละ 10,948.43 บาท
เกษตรกรจะได้รับชดเชยส่วนต่างตันละ 51.57 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 1,289.25 บาท และข้าวเปลือกเจ้า มีราคาเกณฑ์กลางตันละ 9,993.54 บาท เกษตรกรจะได้รับชดเชยส่วนต่างตันละ 6.46 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 193.80 บาท
สำหรับข้าวเปลือกเหนียว มีราคาเกณฑ์กลางตันละ 12,216.29 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาประกัน จึงไม่มีส่วนต่างชดเชยในงวดนี้ สำหรับข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง เนื่องจากสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวแล้ว โดยจะจ่ายเงินให้เกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์งวดที่ 22 ในวันที่ 15 มีนาคม 2566
ผู้แทนสมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมค้าข้าวไทย ให้ข้อมูลว่า ช่วงนี้การค้าข้าวภายในประเทศ ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายข้าวขาวเป็นหลัก โดยราคามีการปรับขึ้นลงตามความต้องการของตลาด ทั้งนี้ ขณะนี้ ข้าวเจ้านาปรังเริ่มที่จะออกสู่ตลาดแล้ว สำหรับข้าวชนิดอื่นๆ ราคาทรงตัว มีการปรับลดลงเล็กน้อย
ส่วนสถานการณ์ราคาข้าวภายในประเทศโดยส่วนใหญ่ยังทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ดี และผู้แทนกรมการค้าต่างประเทศให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สถานการณ์การส่งออกในปีนี้เป็นไปในทิศทางที่ดี โดยสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สามารถส่งออกข้าวได้แล้ว 1.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ผู้แทนสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เนื่องจากค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนตัวลง และการประมูลข้าวที่ญี่ปุ่น ทำให้เริ่มมีออเดอร์ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา ทำให้การส่งออกในปีนี้คาดว่าจะสามารถส่งออกได้ถึง 8 ล้านตัน โดยประมาณ ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้รัฐบาลได้จ่ายเงินส่วนต่างตั้งแต่งวดที่ 1 - 21 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้แล้วจำนวน 2.615 ล้านครัวเรือน จำนวน 7,857.49 ล้านบาท และ การช่วยเหลือไร่ละพันบาท เกษตรกรได้รับเงินแล้วกว่า 4.635 ล้านครัวเรือน จำนวน 53,965.93 ล้านบาท สำหรับเกษตรกรที่ได้รับสิทธิ์แต่ยังไม่ได้รับเงิน ขอให้ ติดต่อ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน เพื่อให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ กรมการค้าภายใน ได้เพิ่มการติดตามดูแลการซื้อขายข้าวเปลือก ทั้งในเรื่องของการปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องชั่งน้ำหนักและเครื่องวัดความชื้น ซึ่งหากพบเห็นว่า ท่าข้าวหรือโรงสีใด ไม่ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ กดราคารับซื้อ โกงน้ำหนัก หรือมีพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการ เอาเปรียบชาวนา สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569